-
Posts
551 -
Joined
-
Last visited
-
Days Won
5
Alexis last won the day on April 22 2016
Alexis had the most liked content!
About Alexis

Alexis's Achievements

กัปตันทีม (5/15)
62
Reputation
-
Alexis changed their profile photo
-
ว่าด้วยเรื่อง Team Shape กับเกมรับ และการไล่บอล หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าทำไมกองหลัง ถึงไล่บอลบ่อยไปบ้าง ไม่ไล่บอลบ้าง ปล่อยบ้างอะไรบ้าง ผมจะไขข้อสงสัยให้กระจ่างไปเลยครับ ส่วนที่มีผลมากที่สุดก็คือ Team Shape ที่เราเซ็ตแผนนั่นเอง Team Shape คืออะไร ส่วนใหญ่คงรู้คร่าวๆอยู่แล้วว่า มันคือ ความยืดหยุ่นของนักเตะและแผนการเล่น แต่ถูกแค่ส่วนเดียวครับ ที่จริงก็คือ มันเป็นตัวกำหนดหน้าที่ให้นักเตะเลยว่า ให้ทำอะไรมากน้อยแค่ไหน หลายๆคนอาจจะยังสงสัยหน้าที่มันต้องเซ็ตใน Role/Duty สิ ก็จริงแค่ครึ่งเดียวครับ เพราะส่วนที่จะทำให้นักเตะทำตาม Role/Duty ได้มากน้อยก็อยู่ที่ Team Shape นั่นแหละ สองอย่างนี้และการตั้งค่าส่วนอื่นๆมันสอดคล้องกัน แต่ตอนนี้ผมขอเรื่อง Team Shape ก่อนแล้วกัน Team Shape มันเกี่ยวข้องกับแกมรับอย่างไร หลายๆคนคงต้องสงสัยแน่ คืออย่างนี้ครับ(ขอออกทะเลแปบ) การกำหนดให้นักเตะทำหน้าที่อย่างเดียวนักเตะก็ไม่ต้องพะวงเรื่องอื่น จะทำหน้าที่ของตนอย่างเดียว ถ้าให้ทำหลายๆอย่าง นักเตะก็ต้องแบ่งสมาธิมาทำเรื่องอื่นๆเช่นกัน ซึ่งอาจจะดีต่อทีมหรือแย่ลงก็ได้ ตามสภาพแผนการเล่นที่เราใช้(เดี๋ยวกล่าวถึงทีหลัง) การปรับ Team Shape เรารู้กันอยู่แล้วว่าสามารถปรับได้ 5 ระดับผมจะอธิบายคร่าวๆแบบเข้าใจง่ายๆเลยละกัน เอา 3 แบบหลักๆนะครับ(อีก 2 แบบ มันก็แค่เพิ่มคำว่ามากกว่าเดิมลงไป เข้าใจตรงกันนะ) 1. Fluid คือ นักเตะจะเล่นกันเป็นทีม ผู้เล่นเกมรุกสามารถเล่นเกมรับได้ และผู้เล่นเกมรับก็เล่นเกมรุกได้เช่นกัน จุดเด่นก็คือ นักเตะตัวรุกอย่าง ST, AMC, AML, AMR จะวิ่งไล่บอลทันทีเมื่อทีมเสียบอล ทำให้ผู้เล่นเกมรับมีเวลาวิ่งกลับลงไปที่ตำแหน่งของตัวเอง จุดด้อย นักเตะตัวรับอย่างเช่น MC, DMC, DC, DL, DR จะไม่เข้าไล่บอล แต่จะวิ่งกลับเข้าตำแหน่งของตัวเองก่อนเสมอ แล้วค่อยออกมาไล่เมื่อบอลเข้าโซนของตัวเอง ลักษณะของการเข้าไล่บอล มักจะเข้าไปไล่บอล 2 คนเพื่อไล่บีบเอาบอลคืนให้เร็ว แต่นั่นจะทำให้นักเตะตัวรุกคนอื่นๆ ว่าง หรือนักเตะเสียตำแหน่งไป 1-2 ตำแหน่ง ทำให้มีช่องโหว่ค่อนข้างมาก โดยแผนการเล่นที่เหมาะกับการใช้รูปแบบนี้ คือ 4-4-2 , 4-5-1 แบบกลางเรียงกัน 5 คน , 3-5-2 (WB) , 4-3-3 (หรือ 4-1-2-2-1 Wide) , 4-1-2-1-2 และแผนที่มี DMC ในแผนการเล่นอย่างน้อย 1 คน 1.Structure รูปแบบนี้ นักเตะจะเน้นทำหน้าที่ของตัวเองเป็นหลัก ตัวรุกก็เล่นเกมรุก ตัวรับก็เล่นเกมรับ จุดเด่นก็คือ นักเตะตัวรับอย่าง DMC , DC ที่ดันขึ้นมา จะเข้าไล่บอลในทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามเดินเกมรุกข้ามเส้นครึ่งสนามเข้ามา เพื่อสกัดบอลให้พ้นแดนของตัวเองหรือตัดบอลให้นักเตะตัวรุกทำเกมต่อได้ทันที จุดด้อย นักเตะตัวรุกจะวิ่งลงกลับมาที่ตำแหน่งของตัวเองช้า ลักษณะของการไล่บอล เมื่อทีมเสียบอล นักเตะตัวรุก จะค่อยๆวิ่งกลับลง หรือบางคนจะยืนค้างไว้ เพื่อทำตัวให้เกะกะ บังทางบอลไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามส่งบอลได้ถนัด ทำให้ส่วนมากจะเปิดเกมด้วยการโยนยาวให้กองหน้าเก็บ ซึ่งนักเตะเกมรับจะทำการเข้าประกบ ไล่กองหน้าทันทีเพื่อสกัดบอล ทั้งการโหม่ง แทคเกิล หรือวิ่งออกมาอินเตอร์เซ็ปบอลเพื่อเอาบอลกลับให้ผู้เล่นเกมรุก แต่ถ้าพลาดโอกาสที่กองหน้าจะหลุดเดี่ยวก็มีสูงเช่นกัน แผนการเล่นที่เหมาะกับรูปแบบนี้ก็คือ 4-2-3-1 , 4-2-2-2 (ปีกลอย) , 4-3-3 , 4-1-2-3 และแผนที่มีนักเตะตัวรับเหลือน้อยๆ 1.Flexible จะอยู่ กลางๆระหว่าง 2 แบบแรก ผมไม่ขออธิบายนะครับ ขี้เกียจละ เอาเป็นว่า นักเตะจะลงมาช่วยเกมรับตามจังหวะ หรือตัวรับจะเข้าไล่บอลก็ตามจังหวะ หรือสถานการณ์เป็นหลัก ซึ่งจะเหมาะกับการเล่นแบบ Man to Mark หรือประกบตัวต่อตัว มากกว่า แผนการเล่นที่เหมาะก็ประมาณ 4-4-2 , 4-4-1-1 ทีนี้ก็น่าจะช่วยให้หลายๆคนหายสงสัย หรือไขข้อข้องใจให้ไปได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ทีนี้เวลาเลือกใช้ ก็น่าจะช่วยทำให้แผนการเล่นที่ออกมา มีผลงานที่ดีขึ้น และตรงกับการใช้งานที่เราต้องการได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า แนวทางที่ผมนำนี้มันจะถูกต้อง 100% ซะทีเดียว เพราะการเซ็ตแผนมันละเอียดอ่อนมากมายนัก ก็ขอให้ทุกท่านที่อยากลองทำแผนเองค่อยๆศึกษา นะครับ ผมจะทยอยนำบทความมาลงทีละอย่าง เนื่องด้วยเวลาผมไม่ได้มีมากมายเลยทำออกมาทีเดียวไม่ได้ แต่ก็น่าจะดีกว่า เพราะการเรียนรู้การทำแผนมันต้องใช้เวลาพอสมควร ขอให้สนุกครัส PS. บทความโดย WindyZero [Arkadej Hongsee Kroekgarun] , เรียบเรียงโดย Alexis [Nutt Poochatwanitkul]
-
สวัสดีครับ วันนี้มาว่ากันเรื่อง TI หรือ Team Instuctions ฟังชั่นหลักของหัวข้อ Tactics ที่ทุกผู้ทุกวัยที่เล่นเกมFM2016ต้องใช้ มาเริ่มกันเลยครับ 1.ส่วนแรกมาพูดถึง Mentality กันก่อน Mentalityคืออะไร แนวทางหรือรูปแบบการเล่นครับมันส่งผลถึงอะไรบ้าง 1.1.Tempo หรือจังหวะในการทำเกมส่งบอลรับบอลขึ้นเกมรุก 1.2.Time Wasting เวลาในการหน่วงเกมดึงเกม หรือการถ่วงเวลา 1.3.WIdth คือ ระยะความกว้าง-แคบ ของการยืนตำแหน่งในสนามของนักเตะ 1.4.Defensive Line แผงกองหลังจะยืนสูงหรือต่ำ 1.5.Closing Down การวิ่งบีบกดดันไล่บอล 1.6.Passing Directness ระยะการส่งบอล 2.มาดู 7รูปแบบหลักกันครับว่ามีอะไรบ้าง 2.1.Contain จะเป็นโหมดที่เน้นการป้องกันสุดๆว่ากันง่ายๆ Park The Bus นั้นล่ะครับ การเล่นจะเน้นการเล่นช้าๆ ถ่วงเวลาตลอดถ้าเป็นไปได้ การยืนในสนามของนักเตะที่แคบแผงหลังยืนต่ำไล่บอลน้อยเน้นการยืนในตำแหน่งรอป้องกันและระยะการส่งบอลที่สั่นกว่าปกติ 2.2.Defensive โหมดป้องกัน หลักก็จะคล้ายกับโหมดที่1คือเน้นการยืนตำแหน่งในเขตแดนตัวเอง ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ เกมรุกสวนกลับจะมีการวาวงบอลยาวไปข้างหน้าเพื่อทำประตู 2.3.Counter การสวนกลับจะเริ่มมีการยืนตำแหน่งที่กว้างมากขึ้น และ เล่นเกมรุกสวนกลับเร็วเวลาได้บอล 2.4.Standard แผนที่มีค่าความเป็นกลางมีความสมดุลย์ทั้งรุกและรับเหมาะที่จะได้ปรับเปลี่ยนได้ตามรูปเกมหรือการแก้เกม 2.5.Control คุมเกม จะเน้นการส่งบอลไปทั่วๆสนามเพื่อหาพื้นที่ว่างในการเจาะเข้าทำ พื้นที่ในการยืนจะกว้างครอบคลุมทั่วสนาม 2.6.Attacking เกมรุก รูปแบบเกมรุกจะเน้นความรวดเร็วในการเข้าทำครับรวมถึงการเปิดพื้นที่โดยการโยนบอลไปข้างหน้าจะสังเกตุได้ว่า Time Wasting ส่วนนี้จะเริ่มน้อยมากคือจะไม่มีการดึงเวลาเลย ถ้าบอลอยู่ในทีมเราจะเริ่มทำเกมรุกต่อไปทันที 2.7.Overload คือการสั่งให้ทั้งทีมเน้นเกมรุกทุกตำแหน่งจะขึ้นสูงหมด จังหวะบอลจะเร็วมากๆและการยืนจะกว้างคลุมทั้งสนาม **7อย่างข้างบนนี้ แตกต่างกันตรงไหน ตรงที่สุดก็คือความเร็วในการเดินเกม การยืนตำแหน่ง แล้วก็ การส่งบอลครับเช่นว่า ผมเล่นAttacking สั่งเล่นบอลสั่น แต่มันก็จะมีโยนไปหน้าอยู่ดีครับเพราะว่าเกมเน้นแบบเร็ว Time Wasting น้อย 3.ส่วนต่อไปที่จะพูดถึงคือ Team Shape 3.1Highly Structured นักเตะจะรับผิดชอบหน้าที่เฉพาะในตำแหน่งของตัวเองไม่ทำมากไปกว่าในใบสั่ง เช่น กองหลังรับผิดชอบเรื่องป้องกันจะไม่มีการออกจากตำแหน่ง กองกลางก็รับผิดชอบเรื่องเชื่อมเกมเป็นหลัก รูปแบบHighly Structured นี้จะทำให้ รูปแบบFormationหรือการวางตัวนักเตะเป็นไปตามเดิม นักเตะจะมีอิสระในการเล่นน้อยมาก 3.2Structured แตกต่างจาก3.1ตรงที่Full Backsจะรับผิดชอบหน้าที่ป้องกันและเติมเกมเพื่อมาช่วยเชื่อมเกมรุกด้วย ตำแหน่งปีกก็จะทำเกมรุกมากขึ้น กองหลางก็ที่หน้าที่เชื่อมเกมและโจมตีในกรอบหรือนอกกรอบเขตโทษด้วย หัวข้อนี้จะเริ่มให้อิสะในการเล่นกับนักเตะมากขึ้นนิดหน่อย 3.3Flexible เป็นตัวเลือกที่เรียกได้ว่ามีความสมดุลย์ กองหลังและกลางรับ จะมีหน้าที่ทั้งป้องกันและถ่ายบอลเชื่อมเกม กองกลางก็จะมีหน้าที่เชื่อมเกมรวมไปถึงการโจมตีที่มากขึ้น หัวข้อนี้ จะมีรักษาสมดุลย์ระหว่างการเคลื่อนที่ของนักเตะและรูปแบบFormationที่เราวางไว้ 3.4Fluid ขึ้นชื่อว่ายืดหยุ่น มันคือทุกตำแหน่งในสนามจะมีความยืดหยุ่น หัวข้อนี้จะให้อิสระนักเตะมาก ทำให้นักเตะ ออกจากตำแหน่งเพื่อทำเกมรุก หรือเคลื่อนที่รับบอลมากขึ้น 3.5Very Fluid ตัวรุกสามารถเล่นเกมส์รับ และตัวรับขึ้นไปทำเกมส์รุกได้ เป็นตัวเลือกที่ให้อิสระในการเล่นของนักเตะมากที่สุด 4.Width ความกว้าง-แคบในการยืน มีผลอะไรบ้าง ยืนกว้างนักเตะจะมีพื้นที่ในการเลี้ยงบอลเล่นบอล ข้อเสียคือการลำเลียงบอลเป็นไปได้ยากเพราะระยะห่างระหว่างนักเตะมีเยอะ เล่นแคบนักเตะอยู่ในระยะใกล้กันสามารถส่งบอลถึงกันได้ง่ายแต่พื้นที่ในการเล่นจะมีน้อยเพราะ ยิ่งใกล้กันมากเท่าไหร่ นักเตะฝั่งตรงข้ามก็ประกบใกล้เหมือนกัน ***ขอข้ามในส่วนของDefence ไปเลยนะครับผมว่ามันเข้าใจง่ายๆอยู่แล้ว 5.Build-Up การสร้างรูปแบบเกมรุก 5.1Passing 5.1.1Clear Ball To Flanks เครียร์บอลออกไปทางปีกเพื่อให้แนวรุกรับบอล 5.1.2 Pump Ball Into Box เป็นการเปิดบอลยาวเข้าไปในเขตโทษ จะเป็นการวางบอลยาวให้กองหน้าวิ่งไปเก็บในกรอบเขตโทษ 5.1.3 Exploit The Left-Right Flank การเน้นเล่นบอลออกทางขวาหรือซ้ายเพื่อเจาะปีกขวาหรือปีกซ้าย 5.1.4 Eploit The Middle เน้นเจาะตรงกลาง 5.1.5 Play Out Of Defence จะเป็นการให้กองหลังส่งบอลใกล้ๆแทนที่จะเครียหรือเปิดบอลยาว 5.2 Pass Into Space การจ่ายบอลหรือผ่านบอลไปยังพื้นที่ว่างข้างหน้า ****ขอเพิ่มเติมในจุดนี้ ในการแก้เกมโดยมากผมจะแก้จุดนี้เป็นหลัก เพราะนี้คือศูนย์รวมการทำเกมรุกทุกอย่าง อ่านให้ออกว่าคู่ต่อสู้มีจุดอ่อนตรงไหน เช่น ทีมนี้มีจุดอ่อนที่แบคขวาซึ่งช้าเป็นเต่า ก็ให้เลือก Exploit The Left Flank เพื่อให้เดินเกมที่จุดอ่อนนี้ และการไม่เลือกBuild-Upใดๆเลย มีผลยังไงบ้างคือนักเตะจะมีอิสระในการเล่นครับมันจะไหลลื่นไปตามเกม Build-Up ก็คือการเน้นต้องการจะบุกจุดไหน ซ็าย ขวา กลาง ขึ้นเกมยังไงวางบอลยาวไปหน้าไหม ฉะนั้นเลือกใช้อย่างใจเย็นครับ 5.3 Passing Directness 5.3.1Shoter Passing ส่งบอลสั้น เหมาะสำหรับทีมที่เน้นครองบอล 5.3.2 Mixed แบบผสมผสานนักเตะจะวางบอลยาวแบบDirect ทันทีที่เป็นว่ามีโอกาศแต่ยังรักษาสมดุลย์ไว้ 5.3.4 Direct Passing เป็นการวางบอลยาวเพื่อขึ้นเกมหรือเชื่อมเกมอย่างรวดเร็วจากหลังไปหน้า เหมาะสำหรับทีมที่มีกองหน้าสายความเร็วหรือทีมที่เน้นเกมเค้าเตอร์ 5.3.4 Go Route One การจ่ายยาวแบบจังหวะเดียว ตัวเลือกนี้จะเป็นการเล่นแบบน้อยจังหวะ เช่น หลังวางยาวไปปีก ปีกวางไปหน้ารับบอลในเขตโทษ จบ 5.4 Retain Possession การเพิ่มการครองบอลถ้าใช้ตัวนี้มันจะไปลดระยะการส่งบอล(Passing Directness)และTempo ลง 5.5Creative Freedom 5.5.1 Be More Creative เพิ่มอิสระในการเล่นของนักเตะ นักเตะจะทำตามความสามารถตัวเองมากกว่าในTactic ที่เราวางไว้ให้มัน 5.5.2 Be More Discipline ให้นักเตะเล่นตามTacticที่วางไว้เพื่อรักษาFormationไว้ 6.Attack การเปิดเกมรุก 6.1Final Third 6.1.1 Hit Early Crosses การวางบอลจากแนวลึกเข้าไปยังกรอบเขตโทษ 6.1.2 Look For Overlap จะเป็นการHoldหรือดึงบอลไว้เพื่อรอหรือมองหาผู้เล่นSupportหรือFull Back ที่จะเติมขึ้นมา 6.1.3 Shoot On Sight ยิงเมื่อมีโอกาส ผู้เล่นจะยิงเมื่อมีช่องให้ยิงไม่ว่าจะในกรอบหรือนอกกรอบก็ตาม 6.1.4 Work Ball Into Box เป็นการขึงเกมเพื่อรอโอกาสเปิด มันไม่ใช่การเคาะบอลเพื่อเข้าไปในเขตโทษนะครับ นักเตะจะหุบลงมาเล่นใกล้กันมากขึ้น เพื่อถ่ายบอลไปมา รักษาการครองบอลไว้จนกว่าจะมีช่องให้แทงหรือหลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ มันไม่ใช่ ใช้ไอนี้แล้วมันจะชิ่ง1-2 หรือมุ่งเข้าเขตโทษอย่างรวดเร็ว นะเข้าใจซะใหม่ 6.1.5 Float Cross เป็นการโยนลูกโด่งเข้าไปในเขตโทษ ใช้สำหรับนักเตะตัวใหญ่โหม่งดี 6.1.6Whipped Cross เป็นการเปิดบอลแบบพุ่งเร็วและโค้งเข้าไปในเขตโทษ ใช้สำหรับทีมที่ต้องการเปิดบอลจากแนวลึก 6.1.7Low Cross เป็นการเปิดบอลเรียดพื้น ใช้สำหรับทีมที่มีกองหน้าเร็วๆสามารถออกจากพื้นที่เล็กๆ แคบๆ ไปเข้าฮอร์ส 6.2Dribbling 6.2.1 Run At Defence เป็นการเลี้ยงจี้คู่ต่อสู้ให้มากกว่าปกติตามแผน 6.2.2 Dribble Less นักเตะจะมองการผ่านบอลสำคัญเป็นอันดับแรกมากกว่าการครองบอลและการเลี้ยงเพื่อเข้าโจมตี 6.3FreeDom Movement 6.3.1 Stick To Positions เป็นการสั่งให้นักเตะเล่นตามคำสั่งหรือหน้าที่หลักที่สั่งไว้ และจะไม่ให้นักเตะมีอิสระในการเคลื่อนที่ไปทั่วสนาม 6.3.2Roam From Positions การให้อิสระนักเตะสามารถเคลื่อนที่ไปทั่วสนามโดนถ้าวิ่งหลุดจากตำแหน่งตัวเองแล้วจะมีนักเตะคนอื่นมาแทนในตำแหน่งที่ตัวเองหลุดไป เหมือนกับแนวคิดของ Total Football นั้นล่ะครับ ******วันนี้ไว้แค่นี้ก่อนเหนื่อยละ อยากรู้หรือติดใจตรงไหนถามไว้ ไว้ผมมาเพิ่มเติมรายละเอียดให้ เพิ่มเติมภาพกราฟฟิคที่ใส่คำอธิบายแล้วโดยคุณ Teeraphat Pratumsrisakhon
-
marco Verratti
-
มี่แต่แผนเอาแผนอื่นมามิกซ์กันอะคับ
-
รอจนกว่ามันจะพูด Eng ได้ครับ เดี่ยวก็หาย
-
แผนไหนก็ได้โตแล้ว :016:
-
แล้วจะรู้ไหมล่ะเนี้ยมันเป็นอะไรข้อมูลก็ไม่มีภาพอะไรก็ไม่มีเลยไม่รู้จะช่วยอย่างไร :014:
-
ใครเคยใช้ Tim Krul หรือ Rene Adler มั่งครับ ?
Alexis replied to l3eatles's topic in แนะนำนักเตะและทีมงาน
Ron-Robert Zieler -
Gigg ผม 40ยังอยู่ครับ :013:
-
แล้วรวมเงิน แป๊ะเจี้ย เอเย่นยังล่ะครับ
-
ขำๆนะครับเซฟใหม่เล่นแก้เซง ชอบแบบไหนทำแบบนั้นเลยครับ
-
ต้องดูหลายอย่างประกอบนะครับ Shoot on sight คือ ยิงเมื่อมีโอกาส ประมาณว่ายิงได้ยิงเลยไม่ต้องเกรงใจ อยากให้ลองลด Creative Freedomลงดูก่อนครับ แล้วก็ดูแผนโดยรวม บางทีมันไม่มีพื้นที่ให้เล่นหรือจ่ายบอลมันก็ยิงไกล ทิ้งไปเลย หรือ หน้าหลุดไปแต่โดนกองหลังบีบซ้ายขวาทำให้ยิงไม่เข้ากรอบมันก็มีผลด้วยนะครับ ส่วนเรื่องNani มันยิงได้ทั้ง2เท้าแหละครับ อยู่ที่นักเตะคนไหนถนัดเท้าไหนเท่าไหร่ เช่นว่า วาเลนเซีย เท้าขวา20 เท้าซ้าย1 ถ้ามันใช้เท้าซ้ายก็จะ....
-
ตามที่ผมเข้าใจนะครับ การแก้ Config รายตัวของนักเตะไม่มีผลต่อ ค่าความเข้าใจแผนการเล่นนะครับ ต้องแบ่งแยกเป็น2ส่วนดังนี้ครับ 1.แผนการเล่นและสไตร์การเล่นของทีมซึ่งอยู่ในส่วน Team Instuction ส่วนนี้เป็นตัวหลักซึ่งจะกำหนดแนวทางการเล่นของทีมหรือสไตร์ของทีมนั้นเอง ไม่ว่าจะเล่นเกมรุก เกมรับ เค้าเตอร์ การจ่ายบอลเร็วช้า หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งส่วนนี้มันจะไปกำหนด Patterns ของการซ้อม Match Training 2.ส่วนของการตั้งค่ารายบุคคล ส่วนนี้เป็นส่วนย่อยซึ่งในตำแหน่งนั้นๆเราอยากให้นักเตะเป็นไปในแนวทางไหน เช่น Winger, Inside Forward , Deep Lying Playmaker ซึ่งพวกนี้อาจจะต้องคำนึงถึงค่าพลังนักเตะที่ลงเล่นในตำแหน่งนั้นๆ และปรับแต่งเพื่อความเหมาะสมเป็นหลัก ในส่วนนี้ล่ะครับจะปรับแต่งตอนไหนก็ได้ไม่มีผลต่อความเข้าใจของแผนเพราะนี้คือ ส่วนของตำแหน่งเฉพาะของนักเตะเอง ปล.ผมเองยังสงสัยอยู่ว่าปกติผมจะSet ค่ารายตัวนักเตะไว้ทุกค่าและในแผนก็จะตั้งค่าFix ไว้หมดแบบนี้แล้ว Shout ข้างสนามมันจะมีผลหรือไม่ เพราะจากที่เคยใช้ใน2012 มันไม่มีผลครับ ปล.2 นี้คือความเข้าใจส่วนตัวของผมเองนะครับ
-
ยิง10ชนคาน5 เข้า2 3ลูกวืด
-
ยิงเละเทะเหมือนเดิม แถมครองบอลบ้าคลั่งกว่าเดิมอีก