Jump to content

Recommended Posts

Posted (edited)

รวมทิปเด็ดๆของFMครับ

ขุดจากบอร์ดเก่ามา ถ้าซ้ำขอโทษด้วย

 

และผมไม่รู้ว่า Credit เป็นของใครครับ เลยลงไม่ถูก :beat_brick:

 

หาต้นตอเจ้าของเจอแล้วครับ

Tactic Clinic โดย คุณ kittipol และคุณ THE POSITION เผยแพร่ที่บอร์ดเก่าโดยคุณคุณ KT001

 

Link : ที่มาของเทคนิคคลีนิค

 

 

 

 

หมวดนี้จะบอกเกี่ยวกับปัญหาต่างๆที่พบ เกิดขึ้นจากอะไร และวิธีแก้

 

ปัญหา

- กองหลังประกบตัวพลาด : ส่งบอลให้ผ่ายตรงข้าม, ครองบอลนานจนเสียบอล, จ่ายคืนหลังแบบโง่ๆ

- ผู้รักษาประตูพลาดอย่างน่าโดนตบ, เลี้ยงบอลขึ้นหน้า, เตะบอลให้ฝ่ายตรงข้าม

 

เกิดจาก

- กองหลังหรือผู้รักษาประตูตั้ง creative freedom มากเกินไป

- กองหลังไม่พร้อมที่จะจ่ายบอลตามที่สั่งไว้ (เช่นตั้งให้จ่ายแบบ Direct แต่ไม่มีคนด้านหน้า)

- กองหลังรีบที่จะเล่นเกินไป

- กองหลังไม่สามารถปรับให้เข้ากับระบบการจ่ายบอลของเรา

- ผู้รักษาประตูหรือกองหลังเรา mentality สูงไป

 

วิธีแก้

- ลด creative freedom ของทั้งกองหลัง & โกลไว้ที่ 5 หรือต่ำกว่า (“little”) (หมายถึงนับจากด้านซ้ายสุดกดไป 5 คลิก)

- พยายามปรับ mentalities ของกองกลางกับกองหลังให้สมดุลกัน (สปอย : เช่น เราตั้งกองหลังไว้โคตร defence กองกลางให้โคตร attack มันก็จะเกิดช่องว่างขึ้นตรงช่องระหว่างกองหลังกับกองกลาง เพราะกองหลังไม่สามารถจ่ายบอลไห้ได้ นอกจากจะเตะสาดขึ้นไป ทำให้เสียการครองบอลอยู่บ่อยๆ ไม่ต้องกลัวว่าไม่ได้ตั้งให้มัน attack แล้วมันจะไม่บุก)

 

Impotence

ทีมเราสุดเก่ง โมเรลเขียวปี๋ แต่ยิงไม่ได้ หลุดไปเป็นร้อยก็ยิงไม่เข้า พอกองหน้าคอมได้ยิงทีเดียวเท่านั้นรู้เรื่อง

ปัญหา

- ยิงทิ้งยิงขว้าง : ยิงเป็นห่าฝน เข้ากรอบเป็นหยดน้ำ

- กองหน้าหลุดเดี่ยวไปอย่างเทพ แต่ยิงอย่างหม่ำ

- ได้โอกาสทองที่จะยิง แต่หันไปยิงนกแทน เพราะ

- ให้เราวิเคราะห์ดูก่อนว่า ใครได้โอกาสยิงมากๆ แล้วลองมาดูว่า

- ยิงไกลมากเกินไป ส่วนมากจะได้ยิงจากระยะโคตรไกล การตั้ง creative freedom มากเกินไปทำให้เกิดปัญหานี้

- นักเตะเราเร่งเกินไป ทำให้ไม่มีความแน่นอน

- กดดัน ทำให้พลาดจังหวะเดี่ยวๆ

- โมเรลต่ำ

- นักเตะเห็นแก่ตัว ยิงในจังหวะที่ไม่จำเป็น

ทางแก้

- ให้ดู highlights แล้วดูว่าโอกาสยิงของเรามาจากแบบไหน

- ลด long shot ให้เป็น “rarely.”

- ลด creative freedom ของนักเตะที่พลาดบ่อยๆ

- ลดจังหวะของเกม (เล่น Slow) ยิ่งดีถ้าเล่นบอลแบบ Short

- ให้ดูลักษณะนิสัยส่วนตัวของนักเตะ, ให้ team talks รายตัวเพื่อลดความกดดัน หรือให้ความเชื่อมั่นโดยบอก you have faith in their ability.

- ฝึก shooting training มากขึ้น

- ลด creative freedom ของทีมลง และ/หรือ ตั้ง “cross ball” เป็น “mixed” หรือ “often.”

 

ศอกมหาชน

ปัญหา

- โดนไล่ออกกันเกลื่อนกลาด เนื่องจากโหดกันจัด

- กองหลังชอบทำ Professional Foul

- โดนเหลืองไปแล้ว ก็ดั๊นจะยังโหดอยู่ จนโดนไล่ออก

- Losses due to a reduced shape and reduced man power - หมายความว่าไรหว่า

 

วินิจฉัย

- นักเตะดุดันแบบโง่ๆมากไป

- นักเตะมุ่งมั่นในเกมมากไป

- นักเตะสูญเสียความมั่นใจ

- กองหลังหลุดตำแหน่ง ทำให้ต้องทำฟาล์ว

- ทีมไม่มีการลงโทษ

- นักเตะไม่ใจเย็นลงหลังจากโดนเหลืองแรก

 

ทางแก้

- ดูว่าทำไมถึงโดนไล่ออก

- เถื่อน! (หมัด, เข่า, ศอก, เตะ & เฮดบัต) ต้องถูกปรับเงินเสมอและไม่อุทธรณ์โทษแบน

- การทำโปรเฟสชั่นนอลฟาล์วเป็นเพราะกองหลังเสียตำแหน่ง ให้ลด closing down ลง และถอย defensive line ลง

- พอโดนเหลืองแรกแล้ว ถ้ายังตั้งให้มัน tack แบบ hard อยู่ก็เตรียมใจไว้ได้เลย

- เปลี่ยนตัวพวกที่โดนเหลืองไปแล้ว และยังมีทีท่าว่าจะโดนอีก (อ่านเอาจากบรรยายว่าถูกเตือนไปหรือยัง)

- ก่อนเเข่งให้ดูนักเตะที่มี "PR" ที่บอกว่า "is really fired up" , ถ้ายิ่งมี aggression มากๆก็จะยิ่งทำให้ทำอะไรโง่ๆ

- ดรอป, ขายหรือปรับเงิน พวกที่โดน

 

Erectile Disfunction

 

ไม่ว่าจะเตรียมพร้อมขนาดไหน, จะบอกทีมยังไง ก็ยังม่ายล่ายหลั่งใจซะที

 

ปัญหา

- ครองบอลเหนือกว่า แต่ก็ยังหาโอกาสยิงไม่ได้เท่าที่ควร

- โอกาสที่ได้ยิงก็ดันมาจากแถวเจ็ด ยิงแบบรักบี้เตะเปลี่ยน

- ยังไม่มีความเฉียบขาดพอ (รึเปล่า)

 

ทางแก้

ดูเหมือนว่าเราจะตั้งให้ทีมจ่ายบอลมากกว่าที่จะทำประตู. ลองปรับจังหวะการเล่นหรือรุกมากขึ้นดูว่าดีขึ้นรึเปล่า ผมเดาว่า(คนเขียน) คุณกำลังเล่นบอลช้าแบบสั้น (Short pass & Slow Tempo) ถ้าเรากำลังครองบอลได้มากกว่า

Tourettes

ปัญหา

- ถึงแม้จะเป็นนักเตะที่บอกว่าตัวเองเป็น "Professional" แต่ไม่รู้ทำไม อยู่ดีๆก็เกลียดเพื่อนร่วมทีมขึ้นมาซะงั้น

คุณจะทำเช่นไรเมื่อ 2 คนที่เกลียดกัน คนหนึ่งคือกองหลังที่บัญชาเกมรับ คนหนึ่งคอดาวซัลโวของทีม

วิเคราะห์

หนึ่งในนั้นต้องทำปัญหาอะไรซักอย่าง เช่น มาซ้อมสาย, ให้สัมภาษณ์สื่อ, เรียกร้องย้ายทีม อีกมากมาย. ทางแก้ก็คือ . . . . ขายคนใดคนหนึ่งออกไป เพราะผม(คนเขียน)ไม่คิดว่าทั้งสองจะกลับมาคืนดีกันได้อีก (สปอย : ผมเคยเจอปัญหานักเตะคนนึงขอย้ายไปทีมที่ใหญ่กว่า ทำให้อีกคนไม่พอใจ แล้วไม่ชอบขี้หน้ากัน แต่ว่าพอปล่อยเล่นไปซักพักนึง เอาคนนึงลงอีกคนนั่งข้างสนาม อยู่ดีๆมันก็กลับมาคืนดีกันได้แฮะ ไม่เลวร้ายเสมอไป)

HOME SICKNESS!!!

ปัญหา

- เล่นในบ้านโคตเก่ง เล่นนอกบ้านห่วยบรมไม่ว่าจะเล่นแผนไหนหรือวิธีใด ถ้าชนะได้ก็เพราะฟลุ๊ค

ทางแก้

ถอย defensive line ลงมาเป็น Deep เหรอ? อาจจะต้องให้กองกลาง close down มากขึ้นหรือไง? (ไม่แน่ใจว่า close down ในที่นี้หมายถึงให้กองกลางถอยลงไปหรือไล่บอลมากขึ้น) ฟังดูเหมือนว่าคุณจะดันขึ้นมาสูง และอาจจะมีกองหลังที่ช้ามั้ง?

ลองดูที่ prefered moves ของกองกลางตัวรับ, ให่แน่ใจว่าไม่มี 'likes to run through the middle' เหมือนกับที่ผม(คนเขียน)มี ถ้าไม่ อาจจะเป็นเพราะตั้ง creative freedom ไว้สูงเกินไป

เลือกผู้รักษาประตูที่มีค่า decisions, anticpation and rushing out มากๆ

ลดการบุกลง, คนเขียนบอกว่า ไม่เคยตั้ง mentalities ของกองหน้าไว้เกิน 11 เลย เค้าบอกว่าช่วยเวลาที่ถูกประกบ และช่วยลดการล้ำหน้าได้

Tactic building for dummies by Dayle Wood

หมวดนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการตั้งแผน ให้เลือกว่าเราต้องการจะเล่นแผนใด โดยดูจากตัวผู้เล่นที่เรามีอยู่

Team instructions

จะเป็นตัวควบคุมทีมของเราทั้งหมดว่าจะออกมาในรูปแบบไหน

 

 

เริ่มด้วย Width - ถ้าเกิดเราเล่นในบ้านและเล่นแผนที่มีปีก 2 ข้าง ฉะนั้นก็สมควรที่จะเล่นแบบ wide. แต่หากเราเป็นทีมเยือน และต้องเจอกับทีมที่เเข็ง ก็ควรจะเล่นแบบ narrow จะทำให้ผู้เล่นของเราบีบพื้นที่มากขึ้น เป็นการลดพื้นที่ที่คู่เเข่งจะเจาะเข้ามา

ต่อไป tempo - ถ้าต้องการครองเกมให้ตั้งเป็น slow. จะทำให้เรามีโอกาสน้อยครั้งแต่มีประสิทธิภาพมากกว่า. แต่ถาหากเราเล่นแบบ quick เราก็จะมีโอกาสฉาบฉวยมากกว่าแต่จะไม่ค่อยมีคุณภาพ. แต่ถ้าเป็นช่วงใกล้หมดเวลา เล่นแบบเร็วก็เป็นสิ่งที่เราควรจะทำ

Defensive line - เรื่องนี้ก็เป็นข้อถกเถียงกันว่าควรจะเป็นแบบใด. ตามที่เข้าใจการดันกองหลังขึ้น (push up) จะช่วยกดดันฝ่ายตรงข้ามได้ (เหมือนที่เห็นกันตามพรีเมียร์). ระวังไว้ว่าถ้าฝ่ายตรงข้ามเริ่มเล่นบอลแบบ direct หรือ long เราจะต้องมีคู่เซนเตอร์ที่มีความเร็วพอสมควรเพื่อป้องกัน

อีกทางคือเล่นเเบบ deep ล่อให้ฝ่ายตรงข้ามบุกเข้ามาแล้วโจมตีด้วยเกมสวนกลับ. มีผลทั้งดีเเละเสีย ตัดสินใจเอาว่าต้องการแบบไหน

Time wasting - เมื่อเล่นในบ้าน (แน่นอนต้องเล่นในบ้านอยู่แล้ว ใครจะไปนั่งเล่นกลางแดด ตึ่งโป๊ะ!) ควรตั้งไว้ที่ rarely (4) เพราะแหงอยู่แล้ว เล่นในบ้านก็ย่อมต้องการชนะ. เล่นเกมเยือนไม่ควรที่จะถ่วงเวลามากเกินไป เพราะการครองบอลไว้นานๆส่งผลให้เกิดความผิดพลาดได้ เวลาเหมาะที่จะ ถ่วงเวลาก็คือช่วงท้ายเกมซึ่งเรากำลังนำอยู่ และต้องการให้จบเกมโดยเร็ว

Focuss passing - ถ้าเล่นแผนที่มีปีกความเร็วสูง ก็ควรโฟกัสบอลไปที่ปีกพร้อมด้วยการเล่นเกมสวนกลับ. เล่นในบ้านก็เป็นเรื่องของเราว่าต้องการเเบบบไหน ถ้าเรามีกองกลางที่เเข็งแกร่ง ที่มีจำนวนมากกว่า หรืออาจจะมีเพลเมกเกอร์ด้วย ก็ควรที่จะโฟกัสบอล through the middle.

Individual Instructions

การตั้งรายบุคคล ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน

ถ้าเราสร้างแผนโดยที่ปล่อยให้ทุกคนเล่นแบบ default นักเตะก็จะเล่นกันแบบซื่อๆ ไร้จินตนาการ. แต่ละตำแหน่งควรที่จะได้รับการบอกว่าควรจะทำอย่างไร

เริ่มต้น เลือกผู้เล่น 11 คนเเรกที่ดีที่สุดก่อน เพื่อทำการเซตให้เหมาะกับแต่ละคน ถ้าหากมีตำแหน่งใดเจ็บ ก็ต้องมีการเปลี่ยนให้เหมาะสมกับ " จุดเด่น " ของนักตะคนที่จะลงแทน

ยกตัวอย่าง Aaron Lennon เป็นนักเตะที่มีความเร็วสูง แต่ passing กับ creative อยู่ในระดับธรรมดา. ก็สมควรตั้งให้ forward runs often เเละเลนน่อนมี dribbling ที่สูง ก็ควรที่จะเซตให้ run with the ball often ด้วย แต่.... ถ้าเราเปลี่ยนเป็น David Beckham ล่ะ เนื่องด้วย พี่เบคเราไม่มีความเร็ว แต่สามารถ จ่ายบอลได้อย่างสุดยอด และมีครีเอทีพมาก. ก็ควรที่จะเปลี่ยนเป็น try through passes often แต่ไม่ต้อง run with the ball เพราะมีค่าพลังที่สมควรทำกับการจ่ายบอลและยิงไกลมากว่า. และพี่เบคก็มีค่า crossing สูงเช่นกัน ก็ควรที่จะตั้งให้ forward runs เพื่อที่จะได้เพิ่มความอันตรายด้วยการโยนบอล จากเส้นหลังได้มากขึ้น

ต่อกันเลย

Mentality - กองหน้าควรที่จะ attacking อยู่เสมออยู่เเล้ว ไม่ว่าจะเล่นในบ้านหรือเยือน. หน้าที่ของกองหน้าก็คือทำประตู ฉะนั้นไม่ต้องไปตั้งให้ defensive ล่ะ. กองกลางก็ขึ้นอยู่กับเราว่าเล่นอยู่ในเกมแบบใด. ถ้าเราเล่นเกมรับและเป็นทีมเยือน กองกลางของเราก็ควรที่จะ defensive มากหน่อย . แต่ ถ้าหากเป็น AMC ก็สามารถที่จะตั้งให้เป็น attack ได้

กองหลังควรที่จะตั้ง defensive ให้มากกว่า (อย่าลืมคำนึงถึงระยะห่างของแต่ละตำแหน่งด้วย)

Creative freedom - ดูว่าใครมีค่า creativity สูง และตั้งให้มากขึ้น แต่ต้องดูค่า decision ด้วยมันส่งผลถึงกัน - ถ้ามีค่าครีเอทน้อยก็ควรที่จะลดลง

Passing style - ดูที่ Passing, Decisions and creativity นักเตะอย่าง Beckham or Carrick ควรที่จะตั้งแบบ mixed เพราะสามารถที่สร้างสรรค์และตัดสินใจได้ว่าควรจะจ่ายบอลในรูปแบบใด. ถ้าคนที่ค่า passing น้อย เราก็ควรที่จะตั้งให้เจาะจงว่าควรจะจ่ายแบบใด. กองหน้าควรตั้งให้จ่ายบอลแบบสั้น พราะเป็นตำแหน่งที่อยู่บนสุดอยู่แล้ว

Closing down - ขึ้นอยู่กับเกมที่เล่นแต่มีการตั้งในแบบที่ได้ผลอยู่. Fullbacks ควรที่จะ closing down often ทำให้ช่วยจัดการกับปีกที่คอยจะโยนบอลมาจากด้านข้างได้. กองหน้าก็ควรที่จะ ตั้งไว้ often เช่นกัน เพราะจะช่วยกดดันกองหลังให้เล่นผิดพลาด. ปีกก็ที่ closing down บ่อยๆจะช่วยกวนใจ ฝ่ายตรงข้ามได้เช่นกัน

 

 

Tackling - ดูที่ tackling และ aggression ถ้าหากมีค่า aggression มากไม่ควรที่จะตั้งให้เป็น hard นอกเสียจากจะว่ามีค่า tackling ที่สูงควบคู่กัน. รวมถึงดูความเฮี้ยบของกรรมการด้วย

การตั้งให้เป็น normal คือทางที่ดี. กองหน้าให้ตั้งไว้ที่ easy เพราะว่าส่งผลที่ทางที่ดีมากกว่า

 

 

Forward runs - ดูที่ค่า dribbling, acceleration and pace. ถ้ามีค่าเหล่านี้สูงให้เซตนักเตะ forward runs often. อย่าตั้งให้กองหลังนะ

 

 

Run with ball - ดูที่ dribbling ถ้าห่วยแตกให้ตั้งไว้ rarely นักเตะจะเลือกที่จะจ่ายบอลแทน. เช่นเคย อย่าตั้งให้กองหลังล่ะ

 

 

Long shots - แน่นอนต้องดูที่ long shots ควรที่จะ 15+ แต่ถ้า decision น้อย ก็ควรที่จะให้ลดลง

 

 

Through balls - นักเตะที่มี passing, decisions, creativity ที่สูงควรจะตั้งให้ through balls often (15ขึ้นไป) 12 - 14 ควรตั้งเป็น mixed และน้อยกว่านั้นก็ควรที่จะเป็น rarely

 

Cross ball - ดูที่ Crossing - ถ้ามากกว่า 15 ให้ตั้งเป็น often. ถ้ามี full back ที่ cross ดีๆ แต่ต้องการให้อยู่หลังให้ตั้งเป็น rarely หรือตั้งให้ cross from deep

 

 

Cross aim - มี target man หรือเปล่า? ให้ปีกโยนบอลไปให้เขา. ถ้าสูงเปรตให้โยนเข้าหัว ถ้าเป็นตัวจี๊ด (ไม่ใช่พยาธิ) ให้จ่ายไปที่เท้า หรือจ่ายไปที่ว่าง

 

 

Switch positions - อาจจะใช้ได้ดีกับกองหน้าหรือปีก - ไม่ขอพูดถึง

 

 

Free role - สมควรที่จะเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลต่อเกมมากที่สุด เพราะสามารถจะทำอะไรก็ได้ เช่น Ronaldinho เป็นต้น

 

 

Hold up ball - กองหน้าที่เเข็งแกร่งควรจะรับหน้าที่นี้ แต่ควรตั้งไว้เพียงคนเดียว. นักเตะที่ตั้งจะครองบอลไว้เพื่อรอเพื่อนขึ้นเกมบุก หรือให้หานักเตะที่สามารถ plays with back to goal จะช่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

 

 

ให้เราดูค่าพลังความสามารถของนักเตะแต่ละคน และตั้งให้นักเตะดึงเอาจุดเด่นของตัวเองออกมา ถ้าทำตามนี้ จะพบว่านักเตะจะเล่นได้ดีขึ้น (ขอยืนยัน)

 

 

 

Set pieces

 

 

นักเตะที่เตะมุมได้ดีที่สดควรรับหน้าที่นี้. เลือกให้ดีว่าจะเป็นเท้าซ้ายหรือเท้าขวา (โค้งเข้า-โค้งออก) ด้านซ้ายควรจะใช้เท้าขวา ด้านขวาควรจะเป็นเท้าซ้าย

ให้นักเตะที่โหม่งดีที่สุดไปยังเขตโทษ. คนนึง ให้ attack GK ส่วนอีกคนให้ attack near post. สำหรับนักเตะที่มีค่า off the ball สูงสามารถตั้งให้ attack ball from deep. เพราะสามารถที่จะหลุดตัวประกบได้ดี ส่วนคนอื่นๆให้อยู่ outside the area อาจจะให้มีอีกคนไปยืนอยู่ที่เสาไกล. ถ้ามีนักเตะที่มีค่า

crossing, creativity และ decisions สูงๆสามารถที่จะตั้งให้ come short ได้เช่นกัน

 

ถ้าหากเรามีนักเตะสูงเปรตอีกคนนึง ที่ jumping และ heading ดีๆ ให้ไป attck GK เป็น 2 คนเลย

 

(ไม่จำเป็นที่จะต้องเอานักเตะเข้าไปรุมกันอยู่ในเขตโทษจังหวะเตะมุมเยอะๆ เพราะยิ่งเราเข้าไปเยอะ ตัวป้องกันก็จะเยอะเช่นกัน ซึ่งไม่มีความจำเป็นเลย)

 

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Team Instructions Part One - Mentality by Cleon

 

หมวดนี้จะเป็นการตั้งเกี่ยวกับทิศทางของทีม

 

 

 

เมื่อเราได้ผู้เล่นในตำแหน่งที่เราต้องการแล้ว, ถึงเวลาที่เราจะต้องคิดว่าจะให้นักเตะเล่นแบบใด. ควรเลือกแผนที่ยืดหยุ่น ฉะนั้น 4-4-2 และ 3-5-2 จึงเป็นที่นิยม

 

เรามาดูในส่วนของ Mentality ต่างๆกัน

 

 

Mentality

Ultra Defensive: ทีมเราจะเล่นรับอยู่แต่ในแดนของตัวเอง และไม่พยายามที่จะบุกขึ้นหน้า

Defensive: ทีมจะเล่นแบบเกมรับมาก่อน, จะบุกเฉพาะเมื่อมีโอกาสที่เหมาะเท่านั้น

Normal: ทีมจะเล่นแบบธรรมดา, รับเมื่อรับและบุกเมื่อบุก

Attacking: ทีมจะพยายามดันขึ้นบุกในทุกๆโอกาส

All Out Attack: ทีมจะดันขึ้นบุกในทุกๆโอกาส

 

 

Mentality คือส่วนที่สำคัญที่สุดของเทคติก และยังมีบางคนที่ยังไม่แน่ใจเยวกับเรื่องนี้. สำหรับการเซต Mentality ของทีมนั้น จะเป็นการบอกภาพรวมของทีมว่า ควรจะเล่นออกมาในรูปแบบใด ซึ่งจะแตกต่างกับการเซตให้นักเตะแบบรายบุคคล เรื่องนี้จะไปว่ากันในหัวข้ออื่น

สำหรับตอนนี้ ถ้าอ่านด้านบนมาแล้ว คุณก็จะรู้ถึงพื้นฐานของความแตกต่างของแต่ละรูปแบบ ต่อไปนี้ก็จะเป็นการชี้แจงรายละเอียดของแต่ละรูปแบบ

 

 

Ultra Defensive

 

ถ้าเราเล่นในรูปแบบนี้จะส่งผลให้นักเตะฝ่ายตรงข้ามเข้ามากดดันเราอย่างหนัก ซึ่งการถูกกดดันอย่างหนักไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะหากไม่มีสมาธิพอล่ะก็เสียประตูแน่นอน, และเราจะได้บุกขึ้นหน้าน้อยมากๆ, แต่อย่างไรก็ตาม จะเป็นการดีที่จะใช้รูปแบบนี้ + การเล่นเกมโต้กลับ โดยให้ mentality

เป็นแบบ defensive, เมื่อนักเตะฝ่ายตรงข้ามดันขึ้นมาเพื่อบุก เราจะฉวยโอกาสเพื่อทำเกมสวนกลับ. เนื่องด้วยเราเล่นเเบบ ultra defensive ทำให้เรายากที่จะโดนเจาะได้.

และยังเป็นการดีเมื่อเราเป็นทีมที่อ่อนแต่ต้องเล่นกับทีมที่เหนือกว่า. ทั้งยังดีเมื่อเล่นเป็นทีมเยือนกับทีมที่เเข็งเเกร่งด้วย. ทั้งนี้ด้วยการเล่นแบบรับสุดๆจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นยากขึ้น เเต่เมื่อมีข้อดี ก็ย่อมมีข้อเสีย

 

ข้อดี

ยากที่จะถูกเจาะ

เล่นเกมรับกันอย่างพร้อมหน้า

เล่นอย่างรัดกุม

ข้อเสีย

จ่ายบอลคืนหลังมากเกินไป

จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ากดดันอย่างหนัก

จำกัดจำนวนนักเตะที่จะเล่นเกมรุก

 

 

Defensive

 

แตกต่างกันมากกับข้อด้านบน, อย่างไรก็ตามทีมจะขึ้นบุกก็ต่อเมื่อมีโอกาสที่เหมาะๆ. เช่นตัวอย่าง : เชลซีเล่นแผน 4-2-4 และมีผู้เล่นจำนวนมากบุกขึ้นหน้า, ในบางครั้งที่พวกเขาพลาด นักเตะของเราจะลองใช้โอกาสนั้นเพื่อทำเกม เพราะเป็นโอกาสที่ดี. ในการบุกแต่ละครั้ง, จะมีมาตรฐานมากกว่า

และจะมีผลมากกว่า, อาจจะเป็นโอกาสในการยิงเข้ากรอบ หรืออาจจะได้ลูกเตะมุม.

 

ข้อดี

ยากที่จะโดนเจาะ

เล่นเกมรับกันอย่างพร้อมหน้า

เล่นอย่างรัดกุม แต่จะบุกเมื่อมีโอกาสที่เหมาะเจาะ

ข้อเสีย

จ่ายบอลคืนหลังมากเกินไป

จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ากดดันอย่างหนัก

นักเตะที่จะเล่นเกมรุกมีเพียงไม่กี่คน

 

 

Normal

 

เป็นการเล่นที่สมดุลในการรุกเเละรับ, นักเตะจะเล่นในแบบธรรมดา. ก็คือจะป้องกันเมื่อเล่นเกมรับ จะบุกเมื่อมีโอกาสบุก. ถ้าหากเราเล่นเกมครองบอล, นักเตะจะพยายามขึ้นหน้าและสร้างสรรค์โอกาส. ถ้าไม่แน่ใจว่าจะเล่นรับหรือรุกดี, นี่คือสิ่งที่ควรใช้ในตอนเริ่มเกม

 

ข้อดี

มีความสมดุลทั้งรุกและรับ

ข้อเสีย

ไม่มีข้อเสียแน่ชัด

 

 

Attacking

 

นี่สามารถที่จะเป็นจุดเริ่มของความยุ่งเหยิง และเราจะพบกับปัญหามากมายตามมา. ไม่ได้จะบอกว่าเป็นรูปแบบที่ไม่ควรใช้, เพียงแต่การให้นักเตะจำนวนมากกับการบุกเราจะพบว่า เเนวรับจะเหลือนักเตะเพียงไม่กี่คนในเวลาเดียวกัน, หรืออาจจะทำให้เปิดพื้นที่ว่างขึ้นได้. เมื่อนักเตะของเราได้บอล,

ก็จะตั้งหน้าตั้งตาส่งบอลขึ้นหน้า แต่จะพบว่าเป็นการจ่ายไม่ตรงกับตำแหน่งที่มีผู้เล่นอยู่. แต่มันจะเป็นผลดีถ้าหากเรามีนักเตะที่มีค่า pace และ stamina สูง ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าไปเก็บบอลทัน. เราน่าจะใช้รูปแบบนี้กับทีมที่เล่นเกมรับมากๆ และปล่อยให้เราเล่นเกมรุกกดดันฝ่ายเดียว. เล่นในรูป

แบบนี้จะทำให้สร้างโอกาสที่มากครั้งขึ้น, แต่ะจะทำให้ % การส่งบอลสำเร็จของเราลดลง

 

ข้อดี

ทำเกมบุกได้อย่างรวดเร็ว

ทำให้มีนักเตะบุกขึ้นหน้า

มักจะบุกขึ้นหน้าอยู่เสมอ

ข้อเสีย

ผิดพลาดกันมากมาย

นักเตะจะเสียตำแหน่ง

ไม่สามารถครองเกมได้

 

 

All Out Attack

 

เป็นวิธีเล่นแบบฆ่าตัวตาย, ถ้าต้องการจะเล่นในรูปแบบนี้ เราควรที่จะมีกองหน้าเเข็งแกร่งมากๆ ที่จะสามารถทำประตูได้เมื่อมีโอกาส. เป็นวิธีการเล่นแบบเสี่ยง เนื่องจากเราจะเล่นเกมบุกอยู่ตลอดเวลา และจะไม่สนใจกับเกมรับเลย. จะใช้ได้ดีก็ต่อเมื่อเราต้องการผลการแข่งขันในขณะที่ยังเป็นฝ่าย

ตามอยู่. การเล่นเกมบุกเเบบนี้จะทำให้ตื่นตาตื่นใจเวลาดูมาก, แต่จะเป็นฝันร้ายเกมรับในเวลาเดียวกัน. บราซิลชอบที่จะเล่นฟุตบอลสไตล์นี้, ถึงฝ่ายตรงข้ามจะยิงได้ 3 ลูก แต่เรายิงได้ 4 ลูก ใครจะทำไม

 

ข้อดี

สร้างโอกาสมากมาย

มีนักเตะจำนวนมากบุกขึ้นหน้า

ทำเกมบุกได้อย่างรวดเร็วที่สุด

มักจะบุกขึ้นหน้าอยู่เสมอ

ข้อเสีย

ผิดพลาดกันมากมาย

นักเตะจะเสียตำแหน่ง

ไม่สามารถครองเกมได้

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------Opposition Instructions by Mr Personality

 

 

ก่อนที่เราจะแข่ง เราควรที่จะตรวจสอบดู opposition instruction ซะก่อน เพื่อจัดตำแหน่งของคู่เซนเตอร์ทีมเราให้เหมาะสมกับรูปร่างของนักเตะทีมคู่แข่ง

 

 

ในส่วนของคนเขียน มีกองหลังความเร็วเต่า (pace: 9 and 11) แต่มีค่า marking & tackling ที่ใช้ได้ ต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างการเซตว่าควรจะทำเช่นไร

 

 

• DC marking a big targetman in a 2 man attack:

เมื่อเจอ targetman รูปร่างใหญ่ 2 คน ให้ always close down เพื่อหวังว่านักเตะของเราจะจัดการกับ เกมรุกของหน้าเป้าทั้ง 2 คน. ดูด้วยว่ามีเท้าที่ไม่ถนัดหรือเปล่า, ถ้ามีจัดการบีบให้เล่นด้านนั้นซะ

 

 

• DC marking a pacey forward in a 2 man attack:

เจอกับกองหน้าที่ความเร็วสูงทั้ง 2 คน ให้ never close down และ always tight marking. เป็นอะไรที่เราไม่ค่อยแน่ใจนัก. แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าหากเราพยายามที่จะเข้า close down ตลอดเวลา, การเข้าสกัดที่ผิดพลาด จะทำให้กองหลังถูกสกัดหลุดด้วยความเร็วอย่างแน่นอน ( ถ้านึกถึงความเป็นจริงล่ะก็

น่าจะใช่เลย คงไม่มีใครเข้าจี้ติดตัวนักเตะที่ความเร็วสูง โดยปล่อยให้เขามีพื้นที่เพื่อกระชากบอลแน่นอน, ถ้าไม่โดนสอยร่วงตั้งแต่เเรกก่อนนะ ). ด้วย tight marking, เราต้องการให้กองหลังเราทำให้ความเร็วของกองหน้าไร้ผลโดยที่ไม่ผิดพลาดมากนัก. ยิ่งกองหน้าเร็วมากเท่าไร ยิ่งตั้ง closing down

ให้น้อยลงเท่านั้น มีอะไรจะเถียงมะ?

 

• DC marking a big targetman in a 1 striker formation:

จับกองหน้าเป้าตัวเดียว ให้กองหลังของเราคนที่ช้ากว่า always close down, แค่นั้นแหละ

 

• DC marking a pacey forward in a 1 striker formation:

จับกองหน้าที่มีความเร็วคนเดียว ให้ใช้วิธีเหมือนกับด้านบน แต่ว่าในกรณีนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะหลุด เพราะเราจะยังมีอีกคนคอยที่จะซ้อนอยู่ถ้าหากพลาดขึ้นมา

 

• On AMC:

always close down เพื่อป้องกันไม่ให้ทำเกมไปหากองหน้าได้

 

• Opposition ML/R and AM L/R:

เมื่อต้องการให้บอลที่จ่ายมาจากปีกลดน้อยลง, ให้เรา always be closed down เเละบีบให้เล่นเท้าข้างที่ไม่ถนัด อาจจะ hard tackling ด้วยก็ได้ แต่ถ้าหากปีกของฝ่ายตรงข้ามต้องถูกจับตาเป็นพิเศษ, เราจะติ๊ก tight marking ให้กับแบ๊กซ้าย-ขวาของเราด้วย

 

• Any injured field players and players below 85% (excluding strikers):

นักเตะเจ็บที่มีความฟิตน้อยกว่า 85% (ยกเว้นกองหน้านะจ๊ะ ไปเสียบดุเดี๊ยะโดนจุดโทษ) ให้เล่น hard tackling ใส่เลย แล้วก็โทรเรียกรถพยาบาลรอไว้ด้วย

 

 

ใช้การตั้งเช่นนี้, ทำให้เกมรับ (ของผู้เขียน) ดีขึ้นมากด้วยผลงาน 32 นัด เสีย 19 ประตู โดยไม่เสียประตู 19 นัด. โอ้อวดๆ บลาๆๆ แต่ในบางครั้งก็ยังสามารถที่จะใช้ tight marking & closing down on always ถ้าหากกองหลังเราเก่งกว่ากองหน้าฝ่ายตรงข้ามมากๆ

 

ถ้าหากเจอบุกหนักท้ายๆเกมด้วยแผน 4-2-4 เรามักที่จะให้ 'always close down' กองหน้าทั้ง 4 คนนั้น. แต่ต้องดึงกองกลางตัวรับ 2 คนลงมาช่วยด้วย. ทำให้เราไม่ค่อยที่จะเสียประตูในข่วงนาที 89 หรือ 90 เลย

 

-----------------------------------------------------

 

Defensive Tips - Stating The Obvious

 

 

ทีมที่จะประสบความสำเร็จต้องการกองหลังที่เเข็งแกร่ง สามารถตั้งรับและเล่นบอลสวนกลับเร็วได้. หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการตั้งแผงกองหลังของคุณเอง

 

เริ่มด้วย defensive line. จำไว้ว่า defensive line จะเริ่มเล่นก็ต่อเมื่อทีมเราไม่ได้ครองบอลเท่านั้น

 

 

Defensive Line

 

Deep: กองหลังเราจะไปกองอยู่ข้างหลังเลยจริงๆ. ไม่พยายามที่จะขึ้นหน้า. ใช้ได้ดีเมื่อเจอกับกองหน้าความเร็วสูง

Normal: กองหลังจะเล่นอยู่กึ่งกลางของแดนตัวเอง. ไม่ดันขึ้นหรือถอนลงต่ำมากนัก

Push Up: กองหลังเราจะดันขึ้นไปยังกึ่งกลางสนาม. เพื่อที่จะกดดันผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม. แต่จะเป็นการเสี่ยงเมื่อเราเจอกับเกม counter attack ฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้กองหลังที่มีความเร็วเช่นกัน

 

 

ต่อไปนี้จะเป็นการเจาะลึกแบบถึงลูกถึงคน

 

 

Deep: กองหลังเราจะไปกองอยู่ข้างหลังเลยจริงๆ. ไม่พยายามที่จะขึ้นหน้า. ใช้ได้ดีเมื่อเจอกับกองหน้าความเร็วสูง. ถถถูกต้องนะคร้าบ แต่! มันจะเป็นการทำให้ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามโหมกดดันเข้าใส่เรา. ทั้งยังจะทำให้เกิดช่องว่างขึ้นระหว่างกองหลังกับกองกลาง, ถ้ามันเกิดขึ้น คอมจะมีพื้นที่เล่นบอล

มากขึ้น และจัดการลงดาบเราด้วยการทำประตู. ถ้าเรามีกองหลังที่ช้า + แก่ การดันลงมาต่ำก็เป็นการช่วยให้ไม่ต้องวิ่งมาก. แต่ก็ต้องทำงานหนักในเกมรับเช่นกัน ฉะนั้นจึงต้องการค่าพลัง teamwork, work rate, concentration และ tackling ที่สูง

 

 

Normal: กองหลังจะเล่นอยู่กึ่งกลางของแดนตัวเอง. ไม่ดันขึ้นหรือถอนลงต่ำมากนัก. เราต้องการให้ทุกคนใช้รูปแบบนี้เมื่อเริ่มต้นสร้างแผนขึ้นมาใหม่. และเมื่อเราอยู่ในระหว่างเกมและตั้งให้นักเตะเล่นตามที่ต้องการเเล้ว, จากนั้นจึงพิจารณาว่า ควรที่จะดันขึ้นหรือลงต่ำ. เรามักที่จะตั้งไว้ที่ normal

และไม่พยายามที่จะดันลงต่ำไปมากกว่านี้ เพราะเราไม่ต้องการให้ทีมของเราต้องถูกกดดันอย่างไม่จำเป็น. และก็ยังเป็นการช่วยทำให้เล่นแผนโต้กลับได้อย่างไม่มีปัญหา ไม่เหมือนกับตั้งให้กองหลังลงต่ำไปมากๆ

 

 

Push Up: กองหลังเราจะดันขึ้นไปยังกึ่งกลางสนาม. เพื่อที่จะกดดันผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม. แต่จะเป็นการเสี่ยงเมื่อเราเจอกับเกม counter attack ฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้กองหลังที่มีความเร็วเช่นกัน. กองหลังจำเป็นจะต้องมีค่าพลัง positioning, pace และ concentration ที่ดีพอเพื่อที่จะใช้รูปแบบนี้ได้อย่าง

ได้ผล เพราะเราเล่นในเเบบที่เสี่ยงอยู่. การดันกองหลังขึ้นสูงก็เหมาะสำหรับการเล่นแบบดักเช็คล้ำหน้า, และจะยิ่งได้ผลขึ้นไปอีกถ้ามีกองที่มีความฉลาดสูงๆ. จุดเสียในบางครั้งถ้าเกิดการผิดพลาดขึ้นเมื่อไร ผู้รักษาประตูของเราจะต้องดวลเดี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามทันที.

 

 

แถบแต่ละแถบเช่น mentality, width, tempo, defensive line etc... จะมีค่าระหว่าง 1-20 ดังตัวอย่าง ถ้าเราลากเเถบ mentality ไปทางซ้ายสุด (1) นักเตะของเราจะเล่นแบบ very defensive และตั้งรับตลอดเวลา. ถ้าเราเซตไปทางขวาสุด (20) นักเตะเล่นเเบบ very attacking และขึ้นบุกในทุกๆโอกาส. เช่น

กันสำหรับ defensive line (1) ทีมจะถอยลงไปตั้งรับอยู่แดนหลังแบบสุดๆ และสำหรับ (20) ทีมจะดันขึ้นไปยังเส้นกลางสนามดังที่กล่าวไว้ข้างต้น

 

 

แถบ mentality ที่ตั้งไว้สูงเพียงใด, ก็จะยิ่งส่งผลต่อนักเตะให้บุกขึ้นหน้าจากตำแหน่งของตนเอง และเล่นเกมบุกมากขึ้น. ถ้าเราตั้งแบบ deep defensive line แต่ตั้งให้ mentalities ยังคงเป็น attacking อยู่ นักเตะก็ยังจะคงเล่นเกมรุก แต่จะเป็นจากต่ำแหน่งที่อยู่ต่ำกว่าปกติ. ถ้าเราอยู่ในการครอบครองบอล

และเล่นแบบ very attack, เมื่อใดที่เราเสียการครองบอล แถบ defensive line จะเป็นตัวบอกกองหลังของเราว่าควรที่จะถอยลงไปเท่าใด.

 

 

แต่การเล่นเช่นนี้จะเป็นการเสี่ยงอย่างยิ่ง ถ้าหากนักเตะคนใดคนหนึ่งเสียตำแหน่ง หรือถูกพาออกทัวร์. ฉะนั้นก่อนที่เราจะเล่นแบบนี้ ควรที่จะมั่นใจก่อนว่านักเตะกองหลังของเราสามารถที่จะรับภาระกับเกมรับและเกมรุกของทีมได้ทุกคน. ถ้ามีนักเตะที่ไม่เก่งเพียงคนเดียว ก็สามารถทำให้เกิด

ความแตกต่างของความแข็งแกร่งในเเนวรับของทีมได้. การลากลูกศรถอยหลัง (barrows) ก็มีผลเช่นกัน แต่เราจะไปพูดถึงกันในตอนต่อไป

 

 

มีหลายวิธีที่จะตั้งแผงกองหลังของคุณในเกม, จริงๆแล้วเรา(คนเขียน) ค้นพบว่าการใช้ กองหลังเพียง 2 คน กับ มิดฟิลด์ตัวรับ 3 คน หน้ากองหลัง เป็นแผนที่ประสบความสำเร็จมากๆ. ทีมจะยิ่งเล่นได้อย่างเหนียวแน่นขึ้นมาก ถ้าหากมีนักเตะที่เหมาะสมในการเล่นรูปแบบนี้. ถ้าหากเราเล่นกองหลัง

น้อยกว่า 4 คน ก็ควรที่จะมีมิดฟิลด์ตัวรับอีกอย่างน้อย 1 คน เพื่อคอยช่วยตัดเกมถ้าหากโดนบุกเร็ว. ถ้าหากเราใช้กองหลัง 3 คน ก็จะเข้าท่ามากหากจะให้กองหลังที่ขนาบข้าง 2 คนเล่น close down มากกว่านักเตะที่ยืนเป็นเซนเตอร์ตรงกลาง

 

 

Tackling Stats

 

Easy: นักเตะจะเข้าบอลเเบบง่ายๆ. จะผิดพลาดก็ต่อเมื่อนักเตะมั่นใจว่าตัวเองเข้าสกัดแล้วจะสามารถเอาบอลมาได้

 

สำหรับ easy tackling นักเตะทุกคนสามารถจะทำได้ และเราแนะนำที่จะให้ใช้กับนักเตะที่มีค่าพลัง tackling น้อยมากๆ

 

English Premier League

นักเตะที่มีค่า tackling ต่ำกว่า 13 ควรจะตั้งไว้ที่ easy สำหรับการตั้งแบบนี้ ในการเข้าแย่งบอลจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก

The Championship

นักเตะที่มีค่า tackling น้อยกว่า 11 ควรจะตั้งเป็น easy

League One

ก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก สำหรับนักเตะในลีกวันก็น่าจะเป็น 8

League Two

ควรที่จะเป็นน้อยกว่า 6

 

Normal: นักเตะจะเข้าแย่งบอลถ้าหากมั่นใจว่าจะสามารถแย่งบอลได้. โดยที่จะไม่รีบเกินไปและไม่เข้าบอลอย่างน่าหวาดเสียว

 

English Premier League

นักเตะที่มีค่า tackling ระหว่าง 14-20 จะสามารถใช้การแย่งแบบ normal อย่างได้ผลมาก

The Championship

ควรที่จะเป็น 12-20 ถึงแม้ว่าจะหานักเตะที่ tackling มากกว่า 15 ในลีกนี้ได้ยากก็เถอะ

League One

9-20 สำหรับลีกวัน

League Two

ควรจะอยู่ที่ 7-20

 

Hard: นักเตะจะเข้าเเย่งบอลไม่ว่าจะยังไงก็ตาม. ถึงแม้จะมีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะได้บอลก็เถอะ.

 

English Premier League

ควรที่จะมีค่า tackling อย่างน้อย 17 บวกกับค่า decision ที่สูงด้วยเช่นกัน.

The Championship

นักเตะที่มีค่า tackling 15 ถึงจะใช้ได้ดีโดยไม่มีผลข้างเคียง

League One

ต้องใช้ประมาณ 12

League Two

อย่างน้อยควรมีซัก 10 สำหรับระดับนี้

 

 

 

Setting Up The Centreback's.....

 

 

ส่วนนี้จะเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับกองหลัง โดยจะเเนะนำนักเตะมาให้ 2 สไตล์

 

แบบแรกจะเป็นประเภท Rio Ferdinand และ Lucio ก็คือสามารถที่จะเล่นเกมรับเเละขึ้นเกมรุกได้ด้วย. แต่เราต้องดูให้ดีว่ามีนักเตะที่แข็งแกร่งมากพอ, ไม่งั้นจะเกิดปัญหาในเกมรับอย่างมากเพราะนักเตะจะเสียตำแหน่ง หรือเมื่อเจอกับนักเตะเร็วๆที่เล่นเกมสวนกลับ.

 

ค่าพลังสำคัญที่ต้องการมีดังนี้ :

Positioning, tackling, decisions, anticipation, concentration, marking, acceleration, dribbling, composure, pace and strength

ค่าหลังนี้จะไม่สำคัญมากนัก แต่ก็ต้องการเช่นกัน :

Jumping, aggression, bravery and heading

 

การเซต :

Mentality - defensive to normal (5-8)

Closing down - rarely to normal (5-8)

Creative freedom - low (1-5)

Tackling - Normal

Run With Ball - Often

 

แบบที่สองจะเป็นนักเตะในสไตล์โนราณ เช่น Pallister และ Tony Adams

 

ค่าพลังที่ต้องการ :

Positioning, tackling, decisions, anticipation, concentration, marking, heading and strength

ไม่สำคัญมากนักแต่ก็จำเป็นเช่นกัน :

Jumping, aggression, bravery, heading, acceleration and pace

 

การเซต :

Mentality - defensive to normal (5-8)

Closing down - rarely to normal (5-8)

Creative freedom - low (1-5)

Tackling - Normal

 

 

Keeper Tactic's

 

 

ส่วนนี้จะเล่าถึงผู้รักษาประตูระดับสุดยอดเก่าๆหลายคน และในตัวอย่างแรกจะเป็นสไตล์ของ Peter Schmeichel ซึ่งจะคำรามสั่งการอย่างดุดันในเกมรับถ้าหากเกิดการผิดพลาด ทั้งยังการออกมาตัดบอลได้อย่างเด็ดขาด การอ่านเกมเเละการสั่งการที่แน่นอน ทำให้เป็นที่ขยาดของผู้เล่นแนวรุกฝ่าย

ตรงข้ามอย่างมาก

 

ในส่วนนี้จะบอกการตั้งเกี่ยวกับผู้รักษาประตูที่เป็นเหมือนกองหลังตัวสุดท้าย. ส่วนของผู้รักษาประตูชนิดนี้เราควรจะดูที่ค่าพลัง handling, reflexes และ agility เป็นจุดสำคัญ

และผู้รักษาประตูสไตล์นี้ก็มักจะต้องออกจากปากประตูของตัวเองบ่อยๆเพื่อมาคอยจัดการตัดบอลที่หลุดเข้ามาได

 

้ในเขตโทษ เนื่องมาจากการพลาดของกองหลัง. แต่มันก็ยังเป็นการเสี่ยงอยู่เช่นกัน แต่ถ้าหากคุณมีการจัดการที่ดี คุณก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า

 

 

ค่าพลังที่ต้องการสำหรับ Sweeper Keeper ;

Acceleration, decisions, composure, anticipation, concentration, Positioning, command of area, agility, stamina, jumping, strength and aerial ability

อื่นๆ :

Throwing, pace, concentration, composure, bravery and anticipation.

 

การเซต :

Mentality - อย่างต่ำ 10 หรือมากกว่า (ยิ่ง attacking มากยิ่งเสี่ยงมาก) (ความคิดเห็นส่วนตัว)

Closing Down - ควรจะอยู่ที่ประมาณ 10 หรือน้อยกว่า จะทำให้ผู้รักษาประตูไม่ออกไปไกลเวลาบอลอยู่นอกกรอบเขตโทษ

Tackling - Easy ไว้ จะได้ไม่โดนไล่ออก

 

 

ส่วนนี้จะเป็นการตั้งของผู้รักษาประตูทั่วๆไป ที่มักจะไม่ค่อยจะออกมาตัดบอลไกลๆ และเล่นอย่างรัดกุม

 

 

ค่าพลังที่ต้องการสำหรับ Normal Keeper ;

Decisions, composure, anticipation, concentration, Positioning, command of area, agility, stamina, jumping, strength and aerial ability

อื่นๆ :

Throwing, pace, concentration, composure, bravery and anticipation.

 

การเซต :

Mentality 6

Closing Down -4

Tackling - Easy เช่นกัน

 

by wwfan

 

QUOTE

A few addendums to Cleon's great post

 

Defensive tips in the forums:

 

1: Reduce time wsting for defenders เพื่อไม่ให้ครองบอลไว้กับตัวนานๆและถูกแย่ง

 

2: Reduce passing for defenders to short (why I don't know, but it was given as a possible solution)

 

3: Reduce closing down

 

4: Increase closing down

 

5: Deepen the defensive line

 

6: Increase the defensive line

 

7: Loose-mark

 

8: Tight-mark

 

 

เรื่องนี้จะพูดการป้องกันการผิดพลาดต่างๆที่จะเกิดขึ้นในเกม, เราไม่สามารถที่จะป้องกันปัญหาต่างๆได้ 100% ได้หรอก. แต่เราจะมาหาวิธีลดมันกัน

 

 

ทฤษฎีง่ายๆ. เพื่อที่จะลดการเสียประตูของทีมเรา, ถ้ายังจำกันได้เรื่องมูรินโย่ เกี่ยวกับ 'park a bus in front of the goal' (เอารถบัสมาจอดขวางไว้หน้าประตู). เราจะมาทำให้มั่นใจว่าเมื่อเราเล่นเกมรับ เราจะมีนักเตะที่คอยอยู่รับมือกับทีมฝั่งตรงข้าม.

 

 

Width: ง่ายๆ, ยิ่งทีมเล่นแบบแคบมากเท่าใด, ก็ยิ่งจะมีนักเตะในกรอบเขตโทษอยู่มากขึ้นเวลาเล่นเกมรับเช่นกัน. (มันเป็นเหมือนการเล่นแบบบีบพื้นที่เข้าตรงกลาง ทำให้ศูนย์กลางแข็งแกร่งยิ่งขึ้น). แต่ก็มีจุดเสีย ถ้าเราเล่นแคบมากเกินไป จะเกิดพื้นที่ว่างขึ้นทางด้านข้างเช่นกัน, ฉะนั้นพิจารณาให้ดี

 

 

1) ป้องกันการเกิดพื้นที่ว่างขึ้นระหว่างจุดต่อของแดนหน้า, กลาง, และหลัง ของแผนที่เราเล่น, จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราตั้ง mentalities ไว้อย่างไม่สมดุล เช่น ตั้งกองหลัง ไว้ defendsive และ deep defensive line ในขณะที่ตั้งกองหน้า หรือปีกไว้ที่บุกแบบไม่ลืมหูลืมตา. จะทำให้การส่งบอลกลายเป็น

ความผิดพลาดอยู่เสมอ (เป็นจุดเริ่มของปัญหาต่างๆที่ตามมา) ไม่สามารถส่งบอลขึ้นหน้าได้ ต่อไปเกมของเราก็จะแตก และเกิดพื้นที่ว่างขึ้นอย่างมาก จนคอมมาเล่นวิ่งไล่จับกันได้ (ขนาดนั้นเชียว). ฉะนั้นเราจึงควรพิจารณาและตั้งให้เกิดความสมดุล (ให้ลองนั่งดูแข่งแบบฟูลแมตช์ก็ได้)

 

 

2) เรื่องต่อมาเราก็ควรดูว่า, แผนที่เราเล่น นักเตะไม่อยู่กระจุกกันแน่นจนเกินไป (ดูตอน pitch มันจะวิ่งซะจนเกือบชนกันตาย) ข้อนี้ก็จะทำให้เกิดผลเสียเช่นกัน.

 

เนื่องจากการที่มีพื้นที่ว่างมากและน้อยเกินไป, การจัดระเบียบสังคมของ d-line และตำแหน่งนักเตะให้เหมาะสมกัน, จะทำให้เกิดความสมดุลกับพื้นที่ของแผนที่เราใช้ (posted by bflaff)

 

 

Low Forward Runs: ถ้าเราไม่ให้ Full Backs และกองกลางที่คอยช่วยเกมรับบุกขึ้นหน้า . เราก็จะการันตีได้ว่าจะมี นักเตะ 5 คน คอยตั้งรับให้เราอย่างแน่นอน.

 

Marking: Tight marking ช่วยจำกัดพื้นที่ในการเล่น, จะเป็นการดีที่สุดสำหรับแผนกองหลัง 5 คน. จะช่วยจัดการกับผู้เล่นที่คอยสร้างเกมของฝ่ายตรงข้ามได้. Man-marking ยังมีจุดบกพร่องอยู่, ฉะนั้นการเล่นแบบโซนจึงดีที่สุด. ซึ่งก็อาจจะได้รับการแก้ไขใน 7.0.1 ก็เป็นได้

 

 

Counter-attack: จะเป็นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเล่นสวนกลับ. มันไม่ได้หมายความว่าทีมเราจะเล่นสวนกลับในทุกครั้งที่มีโอกาส. ดูเหมือนมันจะหมายความว่าการที่จะตัดสินใจโต้กลับไปจะขึ้นอยู่กับความคิดของนักเตะที่ว่าความเสี่ยงกับผลต

 

อบแทนอันไหนมันคุ้มกว่ากัน, ดังนั้นทีมเราจะโต้กลับก็ต่อเมื่อโอกาสที่เราจะเสียการครองบอลนั้นน้อยมาก และการถูกดักได้ในขณะที่โต้กลับ (อธิบายเป็นไทยไม่ค่อยถูก ลองอ่านอังกิดควบคู่ไปด้วย)

 

 

การเพิ่มเติมตามที่กล่าวมาจะช่วยลดความสามารถในการเข้าสู่พื้นที่ว่างและเปลี่ยนมันให้เป็นโอกาสโดยทีมฝั่

 

งคอม. อย่างไรก็ตาม, การจำกัดตัวผู้เล่นที่จะบุกของฝ่ายเรา. ช่วยให้เราเล่นได้อย่างรัดกุม. การเล่น counter-attacking, จะช่วยสร้างความประหลาดใจเมื่อเล่นเป็นทีมเยือน. เล่นในบ้าน, จะเล่นด้วยวิธีที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง, ไว้บอกในเรื่องต่อไป

 

by rashidi1

 

 

 

Global Settings - Are they applicable to defenders

 

สรุปคร่าวๆว่า เซนเตอร์ไม่ควรที่จะ closing down แต่เป็นเรื่องดีที่ fullbacks ควรที่จะ closing down มากกว่า โดยตั้งไว้ที่ 12-15

 

การลากลูกศรลงล่างของ fullbacks ช่วยได้มาก, จะทำให้แบ๊กห่วงในเกมรับมากขึ้น และควรตั้ง mentality ไว้ที่ 12-14 ส่วนจะเพิ่มเพื่อบุกหรือลดเพื่อรัดกุมก็ตามใจ

------------------------------

Ranking, Re-Ranking and adapting

by Millie

 

คงต้องเคยปัญหาพวกนี้กันทุกคนแน่นอน

 

 

 

คุมแมนยูชนะเชลซีได้, แต่ไม่ใช่กับทีมเซาท์พอร์ท

 

เคยชนะรวด 20 เกม, แต่ตอนนี้ เจอทีมห่วยแตกยังเอาชนะไม่ได้

 

 

ยังมีอีกหลายๆเหตุการณ์แนวๆนี้ โดยที่เราจะให้คำจำกัความของเหตุการณ์เช่นนี้ว่า re-ranking.

 

แล้วผลของ re-ranking คืออะไร? แล้วเราจะรับมือยังไง?

 

===============================================

 

 

โดยมีการยกตัวอย่าง เช่นว่า, ถ้าเราคือ West Brom ซึ่งเป็นทีมที่ดีพอสมควร และน่าจะได้เลื่อนชั้นขึ้นไปยังพรีเมียร์. ครึ่งฤดูกาลแรกเราสามารถเกาะอยู่ใน 6 ทีมแรกของตารางได้. แต่ยังไงก็ตาม, ราคาต่อรองกลับบอกว่าเราเป็นทีมที่อยู่ในโซนท้ายตาราง. เพราะฉะนั้น, เมื่อเราลงเเข่ง ทีมคู่เเข่งของเรา

จะคาดหวังชัยชนะอยู่เสมอ. ทำให้การเล่นแบบตั้งรับหรือเล่นสวนกลับจะได้ผลดี.

 

ข้ามมายังครึ่งฤดูกาลหลัง. เราอยู่อันดับ 4 , มีอยู่นัดนึงเราต้องไปเยือนถิ่น Stamford Bridge ของเชลซีแล้วเราดันเกิดเอาชนะได้ขึ้นมา. มันจะมีผลกระทบไปยังราคาต่อรอง. แล้วคราวนี้ ทีมคู่แข่งก็จะไม่เล่นเกมบุกกับเรามากเช่นเคย เนื่องจากเกรงบารมีเรา. ตอนนี้เกมโต้กลับและเกมเร็วของเราจะใช้ไม่

ได้ผล และเราไม่สามารถที่จะเอาชนะได้

 

 

พอจะนึกภาพออกกันแล้วใช่มะ สรุปคร่าวๆก็คือ ควรที่จะตรวจสอบราคาต่อรองก่อนเเข่ง. ทีมที่เป็นทีมต่อถึงแม้จะไม่ใช่ทีมที่คุณภาพเหนือกว่าเรา แต่ว่าพวกเขาจะหวังชัยชนะ ทำให้เราก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเเพ้อยู่เช่นกัน. หรือบางครั้ง ถ้าหากเราเป็นทีมใหญ่ แล้วเจอทีมที่อ่อนๆ ถึงขนาดราคาต่อ

รองบอกว่าเป็น easy win การพูดกับลูกทีมด้วยการที่คาดหวังชัยชนะมากๆ จะมีผลให้พอลงเเข่งไปจริงๆกลับพบว่าการเป็นการทำให้เกิดความกดดันทีมเราซะเอง เป็นชนวนให้อาจถึงกระทั่งแพ้ได้ ให้มีความระมัดระวังในเรื่องนี้ให้มากขึ้นหน่อย

 

 

( หมวดนี้แนะนำให้ลองอ่านภาคอังกิดดู เพราะแปลออกมาเองแล้วอ่านเองรู้สึกว่างงๆ แต่เรื่องของเรื่องก็รู้สึกว่าจะเป็นประมาณนี้แหละ )

 

 

---------------------------------

Can Score,Wont Score....

 

 

เคยสงสัยมั้ยว่า จะต้องทำยังไงถึงสามารถจัดการกับกองหน้าเราเอง ที่ชอบยิงทิ้งยิงขว้างอยู่เรื่อย เรื่องนี้อาจจะช่วยได้.

 

 

ต้องมีบางเวลาในช่วงชีวิตของนักเตะ ที่ไม่สามารถจะทำประตูได้เลยไม่ว่าจะพยายามขนาดไหน. บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผล. ทำไมในบางกรณี, ในระหว่างที่นักเตะกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อจะทำประตูให้ได้, แต่ก็กลับกลายเป็นการยิงออกไปเหมือนว่าอยู่ภายใต้ความกดดัน. ในช่วงหนึ่งฟุตบอล

European Championships 1996 Alan Shearer พบว่าตัวเองอยู่ในช่วงสูญเสียความมั่นใจในการที่จะเปลี่ยนโอกาสของเขาให้กลายเป็นประตู, แต่พอ Euros (หมายถึงยังไง ใครรู้ช่วยชี้เเจง) เริ่มขึ้น เขาก็กลับมายิงระเบิดเถิดเทิงอีกครั้ง. วิธีที่เดียวจะทำให้กองหน้ากลับมามั่นใจอีกครั้งก็คือการทำประตู

โดยไม่สนว่าจะเป็นประตูรูปแบบใด, อาจจะเป็นการยิ่งแบบนิ่มๆหรือฟลุ๊กล้วนๆก็ตาม มันจะทำให้กองหน้ากลับมามีความเชื่อแบบพี่ตูนอีกครั้ง. กองหน้าจำเป็นที่จะต้องมีความเชื่อมั่นอยู่ในตัว ถ้าไม่, ก็ไร้ประโยขน์

 

 

ไม่ใช่เรื่องดีที่เราสามารถจะสร้างโอกาสในการยิงได้ 20+ ครั้ง ในทุกๆเกม ถ้าหากกองหน้าเราไม่สามารถจะทำประตูได้จากโอกาสเหล่านี้เลย. กองหน้าที่ clinical หรือ lethal (แปลเองเน้อ) จะมีประโยชน์มากกว่ากองหน้าทั่วๆไป; เขาจะทำให้เกิดความเเตกต่างระหว่างอันดับกลางตาราง กับการได้ไป

เตะถ้วยยุโรป. Finishing คือสิ่งสำคัญใน FM . ความพยายามที่จะยิงประตูคือปัจจัยหลักที่จะได้ประตู; เพราะฉะนั้น, การปิดสกอร์ที่เฉียบคมจะเป็นการตัดสินผลของเกม. หากขาดการจบสกอร์ที่ดีแล้ว, เราจะไม่มีทางชนะได้เลย

 

 

Finishing: คือค่าพลังที่สำคัญสำหรับกองหน้าทุกๆคน และเป็นความแตกต่างระหว่างกองหน้าที่ทำได้ 10 ประตูต่อฤดูกาล กับกองหน้าที่ทำได้ 20 ประตูต่อฤดูกาล. นักเตะที่มีค่า finishing สูงๆ จะทำให้ความพยายามในการยิงประตู (เข้ากรอบ) เห็นผลมากว่านักเตะที่มี finishing น้อย.

 

 

Composure: เป็นเรื่องที่ดีที่มีความสามารถในการยิงเข้ากรอบ แต่ถ้าหากเป็นสถาณการณ์ที่ต้องดวลตัวต่อตัวล่ะ? ถ้าหากนักเตะที่มีค่า composure สูง จะทำให้เขามีความนิ่ง และเยือกเย็นในการทำประตู, หากว่ามีค่า composure น้อยแล้วล่ะก็ นักเตะจะพบกับความกดดันได้ง่ายๆ.

 

 

First Touch: จะเป็นตัวช่วยให้นักเตะในการตั้งต้นเคลื่อนที่ไปยังทางที่เขาต้องการ และจะสามารถตัดสินว่ากองหน้าของเราจะหนีจากกองหลังฝ่ายตรงข้ามได้หรือไม่. ถ้าหากมี First Touch สูงๆ จะทำให้มีโอกาสมากขึ้นในการสลัดหลุดจากกองหลังที่ประกบอยู่ได้

 

 

Technique: จะเป็นตัวบอกเกี่ยวกับความสามารถการคอนโทรลบอลโดยรวมๆ, ถ้าหากมี่เทคนิคที่สูงก็ถือว่าเป็นของแถมพิเศษ.

 

 

Decisions: กองหน้าต้องการการตัดสินใจที่เด็ดขาด เพื่อที่จะรู้ว่าเวลาใด และที่ใดที่สมควรจะยิง.

 

 

Anticipation: ต้องการค่านี้เพื่อที่จะช่วยให้สามารถคาดเดาได้ว่าบอลจะไปยังที่ใด เเละกองหน้าก็สมควรที่จะต้องรู้ด้วยว่าผู้รักษาประตูของฝั่งตรงข้ามจะอยู่ที่ตำแหน่งใด. ( พ้มเคยมีกองหน้าที่อ่อนๆอยู่คนนึง แต่ดันมีค่า Anticipation 18, พอเอาลงเล่นก็ยิงได้เยอะกว่าที่คาดไว้ เพราะตอนดูแมทช์ส่วน

มากจะเห็นมันได้เข้าไปซ้ำบอลอยู่เรื่อยๆ )

 

 

 

So what do you do when the player cannot score for his life?

 

 

ถ้างั้น เราจะทำยังไงเมื่อนักเตะไม่สามารถจะทำประตูได้เลยในชีวิตของเขา?

 

 

ถ้าหากกองหน้าเกิดเลิกยิงขึ้นมาดื้อๆ หรือกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่ย่ำแย่ เหล่านี้อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม และเราควรที่จะตรวจสอบดู. สิ่งแรก ให้ตรวจดูว่าเขามีโอกาสแล้วทำพลาดหรือว่า บอลที่จะถูกจ่ายให้กับกองหน้า ที่มาจากกองหลังและกองกลางโดนตัดขาด. นี่อาจจะเป็นเหตุผลสามัญ

ประจำ FM, ฝ่ายตรงข้ามมักที่จะจัดการกับบอลที่จะถูกส่งขึ้นมาให้กองหน้าของเรา. ถ้าเกิดสิ่งนี้คือตัวการ สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ ให้กองหน้าลงต่ำลงมาอีกเพื่อมาล้วงบอลจากแดนกลาง หรือลองเปลี่ยนรูปแบบการจ่ายบอลของกองกลางและกองหลังของเรา.

 

 

ดูว่านักเตะคนใดที่จ่ายบอลส่วนใหญ่ไปให้กับกองหน้า และลองปรับเปลี่ยนการส่งบอลดูว่าได้ผลดีขึ้นหรือไม่. ถ้าเรากำลังเล่นส่งบอลแบบ direct อยู่ ให้ลองเปลี่ยนมาเป็นการจ่ายบอลแบบที่สั้นลง (short) แทน แล้วเราก็จะพบว่าช่วยได้มากขึ้น. ถ้าเกิดมันไม่ได้ผล ลองพยายามตั้งที่ focus passing

ให้แตกต่างจากเดิมดู และหวังว่ากองหน้าของเราจะกลับมาได้บอลมากขึ้น และจัดการพังประตูคู่เเข่งให้เรา. ถ้าเกิดลองทั้งหมดแล้วยังไม่ได้ผล ก็อย่าพึ่งท้อ ยังมีสิ่งที่ต้องลองอีก.

 

 

ถ้าหากอาการด้านบนไม่ใช่ปัญหาของเรา มันก็อาจจะเป็นที่กองหน้าของเรานั่นเองที่ทำพลาดโอกาส. มันอาจจะเป็นเพราะสภาพจิตใจ (morale); ถ้าหากกองหน้าขาดความมั่นใจหน้าปากประตูแล้วล่ะก็ เขาก็จะทำพลาดได้แบบน่าเกลียดเลยทีเดียว. สิ่งที่เราน่าจะทำก็คือ ดรอปเขาไปซัก 1-2 เกม

เพื่อหวังว่าเขาจะเรียกความมั่นใจกลับคืนมา จากการที่ได้พักซักระยะหนึ่ง (นึกถึงอองรีแฮะ TT ). ถ้าเกิดเป็นผู้เล่นที่เราไม่สามารถจะดรอปได้ล่ะก็ อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่จะให้เล่นเกมอุ่นเครื่องกับนักเตะชุด U18's ของเราเอง เพื่อหวังที่จะให้กองหน้าทำประตูได้เยอะๆ และเรียกความมั่นใจกลับคืนมา.

 

การเล่นกับทีมระดับเเบบนี้ เราไม่น่าที่จะมีปัญหาในการทำซัก 1-2 ประตูเป็นอย่างน้อย. ไม่ต้องกังวลในการปรับการฝึก training มันจะช่วยให้นักเตะของเราเข้าสู่ฟอร์ม และกลับมาทำหน้าที่ล่าตาข่ายให้เราอีกครั้ง. เราสามารถที่จะเปลี่ยนตารางการซ้อมของนักเตะที่เราใช้อยู่ได้ตามที่ต้องการ... เรา

น่าจะใช้เวลาซัก 1-2 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น ด้วยตารางการฝึก shooting ชนิดให้ตายกันไปข้าง เพื่อทำให้เขากลับมาคุ้นเคยกับการยิงแบบที่หวังผลได้อีกครั้ง.

 

 

สิ่งสุดท้ายที่เราควรจะทำถ้าหากยังไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลง คือการเข้าไปปรับ instructions ของกองหน้านั่นเอง. ถ้าเราดูภาพแมทช์การแข่ง เราจะเห็นได้ว่าทำไมเมื่อกองหน้าเรามีโอกาส แล้วจึงทำพลาด. อาจจะเป็นเพราะเราตั้งให้ creativity freedom ต่ำเกินไป นักเตะก็จะเล่นอยู่แต่ในแบบที่เราตั้งไว้

ให้. หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเราตั้งให้ run with the ball often ฉะนั้นเขาจึงจะพยายามที่จะเลี้ยงบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนที่คิดจะยิง. As soon as a striker has a lean patch this is what I do and I have never had him stay on a bad patch for long at all, they always end up firing on all cylinders again.

< ประโยคสุดท้ายแปลให้ด้วย :-p .

----------------

Different Types of 442

by Cleon

 

 

ในส่วนของการเลือกแผน. การที่จะเลือกแผนใดมาใช้นั้น จำเป็นที่จะต้องคิดให้ดีก่อนว่าเราต้องการจะเล่นในเเบบใด. คนส่วนใหญ่นิยม 4-4-2 เพราะมันเป็นเเผนที่ยืดหยุ่น และสามารถใช้ได้ตลอดศก, และยังสามารถปรับเปลี่ยนให้รับหรือรุกได้ง่ายอีกด้วย และอีกเหตุผลที่ 4-4-2 เป้นที่นิยมก็เพราะ

ความสมดุลกันระหว่างเกมรับและเกมรุก. เราสามารถที่จะตั้งรับแบบเหนียวแน่น หรือบุกแบบกระหน่ำได้ด้วยแผน 4-4-2 เช่นกัน. แผนอื่นๆ เช่น 4-2-4 หรือ 4-3-3 ยังมีจุดอ่อนเมื่อเจอกับบางแผนอยู่ ฉะนั้นแผนอย่าง 4-4-2 จึงสามารถใช้รับมือได้กับแผนส่วนใหญ่เกือบทุกๆแผนเลยทีเดียว.

 

 

There are a few types of 442;

 

 

Standard 442, Diamond, Diamond Wide, Defensive Midfielder, Attacking Midfielder, Sweeper/Stopper

 

 

ต่อไปนี้คือเบสิคของแผน 4-4-2 ที่เราควรรู้.

 

 

Standard 442

 

เป็นการเล่นแบบธรรมชาติของ 4-4-2 ที่จะให้สมาธิกับเกมรับและเกมรุกของเรา, เป็นแผนที่ดีที่สุดเมื่อจะเริ่มดูว่า ทีมเราจะเหมาะสำหรับเล่นในรูปแบบใด. สำหรับแผนนี้จะสามารถพังประตูได้มากมาย และยังมีความเหนียวแน่นในเกมรับ ถ้าหากเราได้ตั้งไว้อย่างเหมาะสม. ผู้เล่นตำแหน่งปีกคือ

หัวใจสำคัญในการโยนบอลเข้าสู่กรอบเขตโทษให้กับกองหน้า. ผู้คนส่วนมากก็ชอบที่จะเล่นให้มีกองกลางตัวรุก 1 คน และ กองกลางตัวรับอีก 1 คน เพื่อความสมดุลยิ่งขึ้น.

 

 

Diamond

 

442 diamond จะประกอบด้วย แถวของแนวรับ 4 คน, กองกลาง 2 คน, กองกลางตัวรับ 1 คน , 1 กองกลางตัวรุก และ 2 กองหน้า.

ด้วยรูปแบบเช่นนี้ ผู้เล่นตำแหน่ง fullbacks ของเราก็จำเป็นที่จะต้องคอยรับภาระในการบุกขึ้นหน้าอยู่เสมอ เนื่องจากว่าทีมของเราจะไม่มีผู้เล่นตำแหน่งปีก. เมื่อใดก็ตามที่ fullbacks ของเราไม่สามารถจะเดินเกมรุกขึ้นหน้าได้นั้น เราก็จะพบด้วยว่ากองหน้าของเราก็จะถูกตัดขาดไปด้วยเช่นกัน.

ตำแหน่งปีกจะเป็นตำแหน่งที่คอยสร้างปัญหาอยู่ตลอด, โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเจอกับทีมที่มีผู้เล่นปีกที่เก่งมากๆ ซึ่งจะทำให้ปีกของฝ่ายตรงข้ามมีพื้นที่และเวลาในการที่จะเล่นบอล. ด้วยแผนเช่นนี้ เราต้องมั่นใจอย่างยิ่งว่าผู้เล่นตำแหน่ง fullbacks ของเราสามารถที่จะรับผิดชอบในการเติมเกมรุก

และสามารถดูแลเกมรับด้วยในเวลาเดียวกัน.

 

 

Diamond Wide

 

จะไม่เหมือนกับแผนด้านบน ด้วยรูปแบบนี้เราจะมีปีกทั้ง 2 ข้างและจะเป็นแผนการเล่นที่ดีถ้าหากเราต้องการใช้ overlapping fullbacks (หมายถึงแบ๊กที่คอยเติมเกมรุกมากกว่าปีกอยู่เสมอ). หัวใจของแผนนี้ก็คือตำแหน่งกองกลางตัวรุก และกองกลางตัวรับด้วยเช่นกัน. กองกลางตัวรุกจะต้องรับผิด

หน้าที่ทั้งในเกมรุกและเกมรับ: ถ้าหากเขาไม่คอยไล่ตามฝ่ายตรงข้ามในระหว่างที่ทีมเราไม่ได้ครองบอลอยู่ล่ะก็ มันจะเกิดพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ขึ้นตรงกลางของสนาม. มันจะทำให้เกิดปัญาใหญ่ เพราะว่ากองกลางตัวรับของเราจะวิ่งขึ้นสูงมาเพื่อพยายามแย่งบอลคืน แต่ถ้าหากเขาพลาด ปัญหาก็จะ

ไปตกอยู่ที่แผงกองหลังของเราต่อไป.

 

 

Defensive Midfielder

 

หนึ่งในแผนที่นิยมมากของ 4-4-2 นั่นคือการให้มีนักเตะในตำแหน่งกองกลางตัวรับ. ซึ่งมันจะเป็นการช่วยป้องกันการบุก ก่อนที่จะไปถึงแผงกองหลังได้ และหากเราใช้ได้อย่างถูกต้องแล้วล่ะก็ เราจะพบว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีโอกาสน้อยลงในทันที. นี่จะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์สุดๆถ้าหากเราต้องการที่

จะไม่เสียประตู และเป็นฝ่ายครอบครองบอลในตำแหน่งกองกลาง. หน้าที่ของกองกลางตัวรับก็คือทำลายเกมฝ่ายตรงข้าม และจ่ายบอลออกไปโดยเร็วที่สุด หรือจะเป็นคนคอย hold ball เพื่อรอจนกระทั่งสามารถจ่ายบอลได้โดยที่ไม่โดนตัด. อย่างไรก็ตาม การครองบอลไว้กับตัวนานๆ อาจเกิด

ปัญหาเป็นพิเศษได้ ถ้าหากเขาเสียตำแหน่งเนื่องจากการเอาบอลไปเก็บไว้กับตัวนานๆ.

 

 

Attacking Midfielder

 

อีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยมของ FM คือการใช้กองกลางตัวรุก. คนส่วนมากใช้ระบบนี้และเล่นบอลผ่านทางกองกลางตัวรุก ปล่อยให้เขาขึ้นเกมรุกเพื่อสร้างสรรค์โอกาส. free role สามารถใช้งานได้ดีกับตำแหน่งนี้สำหรับนักเตะที่เหมาะสม เนื่องจากจะสามารถปล่อยให้นักเตะเดินร่อนไปที่ไหนก็

ก้ได้เพื่อไปรับบอล. อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเราเล่นบอลผ่านทางกองกลางตัวรุก ฝ่ายตรงข้ามก็จะเห็น และเราก็จะพบกับความยากลำบากที่จะส่งบอลไปให้กับกองหน้า. หากเราเห็นว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ให้เปลี่ยนรูปแบบการส่งบอลออกไปเล่นทางปีกแทน.

 

 

Sweeper/Stopper

 

สวีเปอร์หรือสตอปเปอร์สามารถใช้กับแผนใดก้ได้ แต่ส่วนใหญ่มักที่จะใช้กับกองหลัง 3 คน มากกว่า 4 คน และมันถูกใช้ในชีวิตจริงโดยบอลอิตาลี. สำหรับการเล่นแบบนี้ให้ได้ผล เราจำเป็นจะต้องมีสวีปเปอร์ที่อยุ่ในจุดที่ดีมากพอสำหรับระดับที่กำลังเล่นอยู่. ถ้าไม่ ก้ไม่สมควรที่จะเล่นเพราะว่า

มันจะส่งผลเสียมากกว่า

 

 

เราจะไม่พูดถึงรายละเอียดมากนักเกี่ยวกับว่าแต่ละระบบควรจะเล่นแบบใด แต่เราต้องการที่จะครอบคลุมในส่วนของเบสิคในเรื่องนี้, แต่มากกว่านั้น, เราจะมาพูดถึงมุมมองในแบบที่ลึกของทุกแผนการเล่น เเละมาวิเคราะห์กัน, ก่อนอื่นเรื่องที่จะบอกต่อไปนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของคนที่ต้องการสร้าง

แผนของตัวเอง แต่ยังไม่ค่อยมีความรู้เท่าที่ควร, เราจะไม่บอกว่าการเซตเเบบนี้คือสิ่งที่จะต้องทำเสมอไป มันอาจจะไว้สำหรับคนอื่นที่ไม่ใช่คุณก็ได้. แต่นี่จะเป็นการตั้งค่าที่ดีสำหรับการเริ่มต้นในแต่ละตำแหน่ง.

 

 

 

Defence

 

มันจะมีอยู่ 4 วิธีหลักๆในการที่จะใช้งาน fullbacks, เราสามารถที่จะใช้ overlapping fullbacks ที่ตั้งไว้ให้เล่นเกมรุก เพื่อที่จะเป็นทางเลือกในการทำเกมบุกให้กับทีมเรา. แต่สิ่งที่จะขัดต่อการเล่น lapping fullbacks ก็คือ นักเตะตำแหน่งปีกของเราจะต้องไปรับหน้าที่ในการเล่นเกมรับมากขึ้นแทน และ

เราจะพบว่าบางครั้งก็จะเกิดปัญหาขึ้นทางเกมด้านข้าง ถ้าหาก fullback ของเราหลุดจากตำแหน่งไป. อีกทางเลือกสำหรับการเล่นกองหลังเช่นนี้คือสั่งให้นักเตะ ประกบตัวกองหน้า หรือปีกของฝ่ายตรงข้าม. นักเตะเหล่านี้ก็จะทำตาม และพยายามที่จะไม่บุกมากเกินไป และก็ยังจะเล่นโดยการห่วง

เกมรับไว้ก่อน ฉะนั้นก็อย่าหวังว่าพวกเขาจะพยายามขึ้นไปช่วยเกมรุก. วิธีที่สามที่ทำได้ก็คือทำให้ fullbacks เล่นร่วมกับ นักเตะตำแหน่งปีก (ไม่เติมเกินปีกขึ้นไป) และดันขึ้นหน้าเพื่อที่จะโยนบอลเข้าเขตโทษให้กับกองหน้ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้. วิธีที่สี่คือ ทำการผสมระหว่างเกมรับกับเกมรุก

ให้มากขึ้น. การเล่นรูปแบบนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการให้มีความสมดุลมากน้อยเพียงใด, ทางที่ดีก็คือ อาจจะปล่อยให้เป็นปกติอย่างนั้นแหละ ไม่ต้องไปปรับอะไรมาก เป็นการเล่นตามธรรมชาติ.

 

 

Over Lapping fullbacks:

 

rossing, dribbling, teamwork, stamina, passing, off the ball และ fitness. เราพบว่า fullbacks ที่มีค่าพลังเหล่านี้ทำผลงานได้ดีมาก. ให้ดูถึงในส่วนของ descriptions (หน้าจอ personal) ด้วย, เราชอบที่จะใช้ explosive หรือ attacking fullbacks เพราะว่าพวกเขาเหมาะกับหน้าที่นี้

 

 

Defensive fullbacks:

 

Work rate, stamina, teamwork, decisions, positioning และ acceleration, determination, strength and tackling

 

 

Attacking fullbacks:

 

Work rate, stamina, teamwork, decisions, positioning และ acceleration, determination, strength, crossing และ dribbling.

 

 

ระบบสวีปเปอร์และสตอปเปอร์เป็นเรื่องที่คล้ายกันมาก และดูจากตำแหน่งก็เป็นตำแหน่งเดียวกัน, แต่. . . หน้าที่ที่เขาต้องทำคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างกัน. เรามีสวีปเปอร์ไว้เพื่อเวลาที่เขาคอยเพื่อจัดการเคลียร์บอลที่กองหลังด้านหน้าของเขาไม่สามารถจะจัดการได้

 

ตามชื่อ " สวีปเปอร์ " (คนคอยกวาดบอล) ที่จะเคลียร์บอลที่หลุดรอดเข้ามายังตำแหน่งที่เขารับผิดชอบอยู่. แต่ในส่วนของสตอปเปอร์ใช้เพื่อประกบตัวทั้งกองหน้าหรือกองกลางของฝ่ายตรงข้าม. รวมทั้งพยายามที่จะเล่นบอลเร็วไปยังกองกลางเพื่อทำการโต้กลับ.

 

 

Sweeper System: สวีปเปอร์ควรที่จะเข้าใจเกมเป็นอย่างดี และคอยเป็นผู้นำอยู่บนสนาม. เขาเป็นผู้บัญชาเกมรับ, ต้องอยู่หลังสุด เบื้องหลัง fullbacks. การที่จะให้ได้ผลเราจะต้องมีสวีปเปอร์ที่มีค่าเหล่านี้สูง concentration, decisions, influence, positioning, team work, tackling และรวมถึงความเร็วอีก

เล็กน้อย. ถ้าเราไม่สามารถหานัเตะที่มีค่าพลังดังนี้ได้ เราไม่แนะนำให้เล่นระบบสวีปเปอร์ เพราะหากนำนักเตะที่ไม่สามารถเล่นได้ไปเป็นสวีปเปอร์ เราจะถูกเล่นงานทันที, แต่ถ้ามีผู้เล่นที่เหมาะสมแล้วล่ะก็ จะทำให้แผงหลังของเราเหนียวแน่นขึ้นสุดๆ

 

 

Stopper System: สตอปเปอร์รับผิดชอบหน้าที่ในการประกบตัวกองหน้า หรือ กองกลางของฝ่ายตรงข้าม. ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในเกมรุก ด้วยการจ่ายบอลไปยังแผงกองกลาง ฉะนั้นเราจึงต้องการผู้เล่นที่มีค่าดังต่อไปนี้สูงพอ passing, decisions, anticipation, decisions, tackling, concentration, work

rate, positioning และfirst touch ที่ดีก็ช่วยได้เช่นกัน.

 

 

Midfield

 

 

กองกลางของแผน 4-4-2 สามารถที่จะเปลี่ยนให้แตกต่างกันออกไปได้; เราสามารถที่จะเล่นกองกลางที่เรียงกัน 4 คนซึ่งจะช่วยให้มั่นคงและปลอดภัย. ทั้งเรายังสามารถใช้ตำแหน่ง wingers ทั้ง 2 ข้าง, กองกลางตัวรุกอีก 1 และกองกลางตัวรับอีก 1 คน ซึ่งเป็นเรื่องสามัญของ FM ที่ควรจะทำ. หรือ

แทนที่จะใช้ปีก เราสามารถดึงเข้ามายังกลางสนามจะทำให้เรามีมิดฟิลด์ตัวกลางถึง 2 คน. ซึ่งจะทำให้การเล่นเป็นแบบแคบ แต่จะดีถ้าหากเรามีฟูลแบ๊กจอมบุกอยู่ด้วยเช่นกัน. ทั้งเรายังสามารถที่จะใช้ปีก 2 คน หรือกองกลางตัวรับ 2 คน ถ้าต้องการ. ยังมีอีกหลายวิธีที่จะใช้กองกลางเพียง 3 คน กับอีก

1 กองกลางตัวรับอยู่เบื้องหลัง ถ้าจะให้อธิบายหมดคงต้องใช้เวลาร่ายกันอีกยาว.

 

 

Left/Right wingers: มีไว้เพื่อทำหน้าที่โยนบอลในการบุก, และส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ครองบอลอยู่เสมอ, เนื่องจากว่ามีพื้นที่ให้เล่นมากกว่ามิดฟิลด์ตัวกลาง. สำหรับปีกควรที่จะมีค่าพลังต่อไปนี้ crossing, creativity, dribbling, pace, acceleration, tackling, balance, technique, passing, finishing, long

shots, teamwork, work rate และ off ball. ไม่ได้เป็นค่าที่จำเป็นทั้งหมดแต่บางอันจำเป็นต้องมี. ซึ่งได้ถูกอธิบายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว.

 

 

Left/Right Centre midfielders: การจ่ายบอลเป็นสิ่งที่ตำแหน่งนี้ควรทำเพื่อเริ่มการบุกเร็ว และพยายามที่จะ หยุด หรือดึงเกมของคู่ต่อสู้ให้ช้าลง ก่อนที่จะไปยังแนวรับได้. ค่า passing ที่ดี, tacklingที่เหมาะสม, work rate, team work, stamina, heading จะทำให้เล่นได้อย่างดี และ concentration ก็สำคัญ

เช่นกันหากต้องการให้พวกเขาตื่นตัวอยู่จนกระทั่งจบเกม

 

 

Attacking Midfielders: เขาจะเป็นคนคอยเชื่อระหว่างกองกลางกับกองหน้า และเล่นเป็นหัวใจสำคัญของทีม. บอลจะถูกส่งมาเป็นจำนวนมาก, ซึ่งจะเป็นการดีมากหากมีค่าพลังต่อไปนี้ creativity, passing, off ball, technique, finishing, work rate, stamina, teamwork, flair, long shots, pace, acceleration

สูงๆ.

 

 

Defensive Midfielders: กองกลางตัวรับเป็นนักเตะสำคัญที่จะตัดเกมเเละเริ่มการเล่นโต้กลับ. ค่าพลังที่จำเป็นคือ tackling, strength, aggression, marking, stamina, work rate, teamwork, pace, passing, acceleration, determination, concentration and creativity.

 

 

Strikers

 

เนื่องจากแผน 4-4-2 เราไม่สามารถที่จะทำอะไรกับกองหน้าได้มากนัก. ซึ่งเราอาจจะเล่นกองหน้าความเร็วสูงทั้ง 2 คน, กองหน้าร่างโย่ง 2 คน, หรืออย่างละ 1. ซึ่งจะเป็นแผนที่เบสิคมาก ไม่ต้องทำหน้าที่อะไรพิเศษ. การวิ่งไปยังมุมธงควรจะทำเเค่ในบางเวลา, หรือการดึงถอยลงมาเพื่อล้วงบอล, ขึ้น

อยู่กับเราแล้ว.

 

 

Striker: จะเป็นนักเตะหลักที่จะคอยทำประตูให้กับทีมของเรา, จำไว้ว่า, ไม่จำเป็นที่จะต้องคอยเป็นตัวยิงทั้ง 2 คน ซึ่งอาจจะเป็นแค่คนใดคนหนึ่งเท่านั้น. ค่าพลังที่ดีควรจะเป็น pace, technique, acceleration, dribbling, long shots, finishing and off ball.

 

 

Target man: เราจะต้องการเล่นแบบนี้เพื่อให้คอยเก็บบอลไว้กับตัวและรอให้คนอื่นๆเติมเกม และจ่ายบอลให้กับกองหน้าอีกคน. สำหรับค่าพลังที่ต้องการคือ

strength, jumping, balance, agility, aggression, heading, anticipation และ bravery

-------------------------

fg : ถ้าเรามีนักเตะที่มีพลังที่สูงในเรื่อง heading, jumping, strenght, determination แต่ไม่รู้ว่าควรจะต้องเซตให้เล่นเช่นไร?

nonleague :

 

มันจะขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการอะไรจาก target man. ถ้าหากเรากำลังมองหาคนที่แข็งแกร่ง ที่ช้ามาก แต่เป็นจ้าวเวหา เราจะเซตไว้เช่นนี้

 

 

QUOTE

================================================================

POSITION FWR RWB CROSS TTB HUB TM TYPE

================================================================

Fast Striker OFT OFT RAR RAR NO Run Onto Ball

On the Ground ST MIX MIX RAR OFT YES Play To Feet

Aerial ST MIX RAR RAR MIX YES Play To Head

================================================================

 

(FWR = forward run, RWB = run with ball, CROSS = cross ball, TTB = try through ball, HUB = hold up ball, TM TYPE = target man supply)

 

ถ้าเป็นนักเตะที่สูง ให้ตั้ง Full Backs ของเราเล็งจ่ายบอลไปให้เขา แต่ต้องแน่ใจว่าได้เอาเขาใส่ไว้ในรายชื่อ target man menu แล้ว. เราค้นพบว่า ไม่จำเป็นที่ต้องติ๊กถูกในช่อง use target man เพื่อที่จะใช้ target man แต่อย่างใด สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ใส่ชื่อไว้ในเมนู target man ก็พอ

 

 

จะเป็นการพูดถึงว่าทำไมถึงต้อง ForwordRun เป็น rarely สำหรับ targetman ก็เป็นเพราะว่า เราต้องการให้ TM ของเราหันหลังให้กับประตูเพื่อเล่นบอล ซึ่งจะทำให้สามารถโหม่งเช็ด หรือครองบอลไว้ได้. เพราะถ้าตั้งให้เป็น often ก็จะทำให้ได้ผลน้อยลง

----------------------

Sweeper - What ?

 

 

เคยคิดที่จะใช้สวีปเปอร์ในแผนของเราบ้างรึเปล่า แต่เราไม่เคยที่จะเจอค่าพลังที่เหมาะสมเลย, ถ้าสิ่งนี้คือสิ่งที่คุณกำลังมองหาละก็ นี่อาจช่วยคุณได้.

 

 

ระบบสวีปเปอร์หรือที่เรียกว่า ลิเบโร่ เป็นระบบเกมรับที่หลายๆทีมไม่ค่อยจะนิยมใช้เท่าไร, จริงๆแล้วคนส่วนใหญ่รู้จักสวีปเปอร์จากอิตาลี. เป็นเพราะระบบ คาเตนัคโช่ ที่ถูกใช้ในปี 1960s' , ทำให้การเล่นสวีปเปอร์โด่งดังยิ่งขึ้น. ปกติแล้วตำแหน่งสวีปเปอร์จะเล่นอยู่ด้านหลังของกองหลังอีกที.

ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มส่วนใหญ่ในการบุกของเรา, สวีปเปอร์จะตัดเกมและส่งบอลขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว.

 

 

มีนักเตะอยู่เพียงไม่กี่คนที่โด่งดังในตำแหน่งนี้ Franco Baresi, Lothar Mattheaus และ Matthias Sammer. แต่ก็ยังมีนักเตะเยอรมันอีกคนหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นสุดยอดในตำแหน่งนี้ นั่นคือ Kaiser - Franz Beckenbauer, เป็นเพราะเขานำการเล่นในตำแหน่งนี้มาปรับให้กลายเป็นสไตล์ของตัวเองได้อย่าง

ยอดเยี่ยมนั่นเอง, รวมไปถึงการเป็นผู้นำ และการเล่นที่เหมือนกับว่า เขาเป็นผู้ครอบครองทั้งสนามเลยทีเดียว.

 

สวีปเปอร์จะต้องเป็นนักเตะที่มีความเก่งรอบด้านมากกว่าตำแหน่งเซนเตอร์ และหน้าที่หลักของสวีปเปอร์ก็คือการ " จัดการกวาด " บอลทุกรูปแบบที่หลุดเข้ามาได้, ซึ่งจะเป็นการทำให้แผงหลังมีความหนาแน่นขึ้นมาก. ไม่ว่าจะเล่นในรูปแบบใด สวีปเปอร์จำเป็นที่จะต้องอ่านเกมได้อย่างยอดเยี่ยม,

ทั้งยังต้องเป็นผู้เริ่มการบุกจากตำแหน่งด้านหลัง จึงต้องมีการจ่ายบอลที่เเม่นยำ และคอนโทรลบอลได้อย่างดีเยี่ยมด้วย

 

 

สวีปเปอร์และสตอปเปอร์เป็นตำแหน่งที่คล้ายกันมากๆ, แต่หน้าที่ที่ต้องทำจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง. สวีปเปอร์จะจัดการกับบอลที่กองหลังเบื้องหน้าเขาไม่สามารถจะรับมือได้ และยังต้องคอยจัดการเคลียร์บอลที่อาจจะเกิดมาจากความผิดพลาดของกองหลังด้านหน้า. แต่ระบบสตอปเปอร์ ใช้

เพื่อประกบตัว ซึ่งอาจจะเป็นทั้งกองหน้า หรือกองกลางของฝั่งตรงข้ามก็ได้. และเขาก็ต้องเล่นบอลอย่างรวดเร็วเพื่อที่ผ่านบอลไปให้กับกองกลางเพื่อที่จะเล่นเกมบุกต่อไปได้.

 

 

Sweeper System: สวีปเปอร์จะต้องเป็นผู้ที่เข้าใจเกมเป็นอย่างดี และจะเป็นผู้คุมเกมในสนาม. ทั้งยังจัดการเกมรับ, ต้องอยู่ด้านหลังของ fullbacks ตลอดเวลา. เราต้องการค่าพลังเหล่านี้ concentration, decisions, influence, positioning, team work, tackling ที่สูง และยังจำเป็นที่จะต้องมีความเร็วด้วย.

ถ้าหากเราไม่สามารถนักเตะที่มีค่าพลังเช่นนี้ได้ เราขอเเนะนำว่าไม่ควรที่จะเล่นระบบสวีปเปอร์ เพราะมันอาจจะเป็นการฆ่าตัวตาย แต่หากสามารถหานักเตะที่เหมาะได้ จะส่งผลให้เกมรับของเราแน่นขึ้นมั่กๆ

 

 

Stopper System: สตอปเปอร์รับผิดชอบในการประกบศูนย์หน้าหรือกองกลางของฝ่ายตรงข้าม. เขาจะเป็นผู้เล่นสำคัญที่จะคอยออกบอลเร็วให้กับกองกลาง ซึ่งเราต้องการค่าพลัง passing, decisions, anticipation, decisions, tackling, concentration, work rate, positioning ที่ดี และ first touch ก็ต้องการ

ด้วยเช่นกัน

 

------------------

Judging your next opponant away

by Dayle Wood

 

 

ส่วนใหญ่เราจะตัดสินความสามารถของทีมคู่เเข่งของเอาเองว่าอ่อนหรือเก่ง

 

หมวดนี้จะมาอธิบายให้เรารู้ว่า การส่ง scout ของเราไปดูฟอร์มทีมคู่แข่งจะช่วยเราได้อย่างไร

 

===========================================================================================

 

1. Scout Reports

 

๐ ถ้า scout บอกเราว่าคู่แข่ง like to play possession football (ชอบเล่นแบบครองบอล) หมายความว่าทีมคู่แข่งเราจะเล่นแบบ slow... และวิธีที่ดีที่สุดจะตอบโต้ก็คือการเล่นบอลที่เร็วขึ้น (Quick) และการ closing down เยอะๆ ก็อาจจะช่วยสร้างปัญหาให้กับทีมฝ่ายตรงข้ามได้.

 

 

๐ ถ้าหาก scout บอกให้เราตั้งรับให้ลึก (defend deep) หรือให้เราใช้กองหลังที่มีความเร็ว (or use fast defenders) นั่นหมายความว่าทีมคู่แข่งของเรามีกองหน้าที่มีความเร็ว (ซึ่งก็จะบอกเราไว้เช่นกัน) และจะพยายามเล่นเกมบุกด้วยกองหน้าเป็นหลัก. วิธีรับมืออาจทำได้ 2 วิธี; ถอยลงไปตั้งรับให้ลึกกว่า

เดิม (deep) ซึ่งจะทำให้กองหน้าไม่สามารถใช้ความเร็วได้ หรือจะให้กองหลังดันขึ้นสูง (push up) เพื่อที่จะคอยดักเล่น offside trap.

วิธีแรกจะทำให้ทีมเราถูกบุกกดดันมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะเป็นการดีถ้าเราเล่น counter attack เเละเกมเร็ว (Quick tempo) ด้วย. วิธีที่สอง การเล่น offside trap (ซึ่งเป็นความชอบส่วนตัวของคนเขียน) จะใช้ได้ดีหากเรามีกองหลังที่มีความเร็ว ที่สามารถจะคอยวิ่งไล่ตามกองหน้าที่สามารถทะลุกับดักล้ำ

หน้าไปได้.

 

๐ ถ้าหาก scout บอกกับเราให้ระวังการเล่นบอลกลางอากาศของกองหน้าคู่แข่ง ให้เราใช้กองหลังของเราที่โหม่งดีที่สุดประกบไว้ และเล่น closed down often ใส่ ซึ่งการโหม่งของกองหน้าจะสร้างปัญหาให้กับเราหากเราไม่สามารถที่จะรับมือได้.

 

 

๐ และบ่อยครั้งที่ scout จะบอกกับเราว่า นักเตะคนใดที่เป็นผู้เล่นสำคัญที่เราจะต้องระวังเป็นพิเศษ. ให้เราไปที่นักเตะคนนั้นแล้วดูว่ามีจุดเด่นอะไร... เป็นพวกสร้างสรรค์เกมรึเปล่า? (creative สูง) หรือเป็นพวกจ่ายบอลทะลุช่องได้ดี? หรือว่าเป็นพวกความเร็วสูง?.

วิธีที่จะจัดการตัดผู้เล่นคนนี้ออกจากเกม. ถ้าหากเป็นพวกที่ส่งบอลดีๆ ให้ดูว่าถนัดเท้าข้างใด... ให้เราจัดการบีบไปให้เล่นเท้าข้างที่ไม่ถนัดมากกว่า (ถ้ามีนะ). ถ้าหากเป็นพวกที่ขี้ป๊อด (bravery ต่ำ) ให้หาคนไปประกบตัว และสามารถให้เข้าเเย่งบอลเเบบ hard ได้... ซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับนักเตะ

คนนั้นอย่างหนัก ถ้าโชคดีอาจจะถึงขั้นเจ็บไปเลยก็ได้.

 

===========================================================================================

 

2. Manager Profiles

 

ดูที่ผู้จัดการทีมของคู่แข่ง ซึ่งจะช่วยบอกเราว่าเขาชอบเล่นสไตล์ใด.

 

 

๐ เช่น : ถ้า pressing style (การกดดันพื้นที่) เป็น mixed เขาจะเข้า close down เฉพาะในแดนของตัวเองเท่านั้น.

 

 

๐ ถ้าเขาเป็นพวกที่รอบคอบมาก (very cautious) ทีมของเขาก็อาจจะไม่เล่นเกมบุกมาก เเละจะถอยลงไปตั้งรับ. ซึ่งจะไม่มีประโยชน์ถ้าหากเราไปเล่นเกมรับกับทีมประเภทนี้... ดันกองหลังของเราขึ้น (push up) และเน้นเกมเเบบครองบอล.

 

 

๐ ถ้าหากกองหลังของฝ่ายตรงข้ามเร็วเหมือนเต่า เราก็สามารถที่จะใช้ประโยชน์กับจุดนี้ได้... วันนี้จะเป็นวันของการใช้ target man ให้เป็นประโยชน์ โดยใช้กองหน้าที่มีความเร็วทั้งสองคน และให้เราตั้งกองกลางกับกองหลังของเราเล่น through balls ให้มากๆ. การปล่อยให้กองหน้าของเรา forward

runs often จะช่วยให้กองหลังคู่เเข่งต้องปั่นป่วนอยู่ตลอด (และทำให้เหนื่อยเร็วขึ้น)

 

===========================================================================================

 

3. Weather

 

๐ พื้นสนามเปียกไม่ใช่การดีที่จะเล่นบอลแบบสั้น จะทำให้คุมบอลยากขึ้น. ซึ่งถ้าหากเป็นวันที่ฝนตกให้เราหันมาเล่นบอลแบบ direct แทน

 

๐ ถ้าเป็นวันที่ลมแรง (windy) การเล่นบอลยาวจะไม่ค่อยได้ผล เพราะลมจะทำให้บอลเราลอยออกเขมรแทน. เราควรที่และเล่นบอลสั้นให้มากขึ้น (หรือเล่นแบบ direct ถ้าหากเราเป็นทีมในลีกต่ำๆ ซึ่งไม่มีค่า passing ที่ดีเท่าไร).

 

 

แต่... ไม่ใช่ทั้งหมดนี้ที่จะนำมาใช้เมื่อเราเล่นในบ้าน การเล่นในบ้านส่วนมากเราจะให้เล่นแบบที่เราต้องการอย่างไรก็ได้ เนื่องจากเพราะมันเป็นสนามของเราเอง. วิธีพวกนี้น่าจะถูกเอามาใช้ในขณะที่เราเล่นเป็นทีมเยือนเป็นส่วนใหญ่.

 

===========================================================================================

Barrows, farrows and Sarrows, just what are they?

by Cleon

 

 

สำหรับคนที่ไม่เข้าใจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลากลูกศรไปในทิศทางต่างๆ, เราจะมาดูในส่วนของเรื่องนี้กัน

 

Barrows – การลากลูกศรไปด้านหลัง :

 

 

 

 

 

Farrows – การลากลูกศรไปด้านหน้า :

 

 

 

 

 

Sarrows – การลากลูกศรไปด้านข้าง :

 

 

 

 

 

 

การลากลูกศรในแต่ละแบบจะส่งผลในทางที่ต่างๆกัน, ต่อไปนี้คือรูปแบบต่างๆของลูกศร และผลที่จะเกิดกับนักเตะ

 

 

Barrows

 

ข้อดีของการลากลูกศรไปด้านหลัง, เราจะสามารถทำให้นักเตะเล่นเกมรับในขณะที่ยังไม่ได้ตั้งใน instructions ให้เป็น defensive. ผลของการลากลูกศรกลับหลังจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเวลาเราเสียการครองบอล. เช่นเมื่อเราลากลูกศรกลับหลังให้กับนักเตะคนใดคนหนึ่ง, นักเตะคนนั้นก็จะยังเล่นแบบปกติ

ในตำแหน่งของเขา ตามที่เราตั้งไว้ใน instructions. แต่เมื่อไรที่เสียการครองบอล นักเตะคนนั้นก็จะถอยกลับมายังตำแหน่งที่ลูกศรลากไว้. เราสามารถลากลูกศรกลับหลังให้กับนักเตะในทุกๆตำแหน่งไม่ใช่แต่เฉพาะผู้เล่นด้านข้าง. มันใช้ได้กับ DMC's, MC's และ AMC's เช่นกัน

 

สิ่งสำคัญที่ควรจะจำไว้, มันจะมีผลก็ต่อเมื่อเราไม่ได้เป็นฝ่ายครองบอลเท่านั้น. มันจะไม่มีผลอะไรกับตอนที่เราเล่นเกมบุก, จะเริ่มใช้ต่อเมื่อตอนเราเล่นเกมรับเท่านั้น. รวมไปถึงการลากกลับหลังแบบเฉียงก็เช่นกัน.

 

 

Farrows

 

จะเป็นตรงข้ามกับข้อด้านบน, ลูกศรขึ้นหน้าจะทำงานเช่นนี้. ตำแหน่งที่ลูกศรลากไปก็คือตำแหน่งที่นักเตะของเราจะวิ่งไปเมื่อบอลอยู่ในการครอบครองของทีมเรา. เราจึงสามารถทำให้นักเตะที่ตั้ง instructions เป็น defensive สามารถเล่นเกมรุกได้. หรือใช้ในการทำให้นักเตะที่เล่นเกมบุกอยู่เเล้ว บุก

มากขึ้นกว่าเดิมได้. ลูกศรขึ้นหน้าสามารถนำมาใช้ในสร้างเกมโต้กลับที่มีประสิทธิภาพได้, ซึ่งเป็นการเล่นที่ต้องการให้นักเตะเราขึ้นหน้าไปอย่างรวดเร็ว. และเช่นกัน การลากขึ้นหน้าแบบเฉียงก็ให้ผลในแบบเดียวกัน.

 

Sarrow

 

นี่เป็นเรื่องที่คนส่วนมากยังไม่รู้หรืออาจจะยังไม่เข้าใจดีพอ. การลากลูกศรออกข้างจะเป็นการทำให้นักเตะฉีกออกไปเล่นในตำแหน่งที่กว้างขึ้น และจะใช้ประโยชน์ได้ดีเมื่อใช้กับกองหน้าและกองกลาง. มันสามารถใช้กับตำแหน่งอื่นๆก็ได้, และสิ่งที่อยากจะบอกอีกก็คือมันสามารถใช้ประโยชน์

ในทางอื่นได้อีก. ทั้งนี้เรา (คนเขียน) มักที่จะใช้กับแผนกองหลัง 3 คน, ซึ่งพบว่าช่วยทำให้กองหลังเล่นในตำแหน่งที่กว้างขึ้น แต่ยังคงความเหนียวแน่นไว้เช่นเดิม.

--------------------

The Perfect Playmaker

by Maxi

 

 

playmaker คือผู้เล่นซึ่งจะคอยเคลื่อนที่เพื่อรับบอลจากเพื่อนร่วมทีม และสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูให้กับทีม.

 

คำจำกัดความของเพลย์เมกเกอร์ใน FM2007. เพลย์เมกเกอร์ที่ดีสามารถที่จะเป็นตัวพลิกเกมให้เราได้. แต่เป็นเรื่องที่ยากในการหานักเตะเพลย์เมกเกอร์ที่มีความสามารถมากพอ. เรื่องต่อไปนี้จะช่วยเราในการตามหาเพลย์เมกเกอร์ที่ดี และวิธีใช้งานในสนาม.

 

==================================================================================================

 

Finding a Good Playmaker

 

เช่นเดียวกันกับทุกๆตำแหน่ง, ต่อไปนี้คือค่าพลังที่สำคัญสำหรับนักเตะที่จะเป็นเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่เราควรจะเลือกใช้งาน.

 

 

๐ Passing - Passing คือค่าพลังที่นักเตะทุกๆคนควรจะมีไว้ในระดับหนึ่ง. แต่จะเป็นสิ่งสำคัญมากกว่านั้นสำหรับเพลย์เมกเกอร์, ซึ่งจะเป็นคนที่คอยสร้างโอกาสการทำประตูให้เรา. เราจะสร้างโอกาสในการทำประตูได้อย่างไร ถ้าหากเราจ่ายบอลได้ห่วยแตก. ต้องมั่นใจว่านักเตะคนที่เราต้องการให้

เป็นเพลย์เมกเกอร์ควรจะต้องมีค่า passing ที่สูงประมาณ 15 หรือมากกว่านั้น.

 

๐ Long Shots - ถ้าหากเพลย์เมกเกอร์ของเราไม่มีทางเลือกอื่นในการส่งบอล แต่จำเป็นที่จะต้องยิงไกลแทนล่ะ, ฉะนั้นจึงควรที่จะมีค่า Long Shots เพื่อให้ยิงไกลได้ดีด้วยเช่นกัน. อาจจะไม่สำคัญสำหรับนักเตะตำแหน่งอื่น แต่ถ้าเรามีเพลย์เมกเกอร์ที่สามารถทำประตูจากระยะไกลได้ล่ะ มันก็คงจะดี

กว่าเพลย์เมกเกอร์ที่ทำประตูได้แต่ระยะใกล้ๆใช่มะ. (พึ่งเห็นสดๆร้อนๆ ลูกยิงของตีเสมอให้เชลซีที่เเล้มป์ยิง เห็นแล้วอยากจะกรี๊ด!)

 

๐ Dribbling - เพลย์เมกเกอร์ของเราควรที่จะเลี้ยงบอลได้ดีด้วยเช่นกัน. มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถรับมือกับกองหลังเก่งๆได้. จะยิ่งสำคัญถ้าหากเรามีกองหน้าที่เลี้ยงบอลไม่ค่อยดี. ด้วยการที่มีเพลย์เมกเกอร์ที่เลี้ยงบอลเก่งๆ, กองหน้าก็จะไม่ต้องรับบทหนักในการหาพื้นที่ว่าง. เช่นถ้าเพลย์เมกเกอร์เรา

สามารถที่จะเลี้ยงบอลขึ้นไปเพื่อหาพื้นที่เหมาะๆในการบุก, ชิปบอลเข้าไปยังกรอบเขตโทษและหวังว่าจะมีกองหน้าคนใดคนหนึ่งจัดการโหม่งทำประตูได้. เพลย์เมกเกอร์ที่เลี้ยงบอลได้ดีกับกองหน้าที่โหม่งได้ดีคือสูตรสำเร็จที่เข้ากันได้อย่างมาก.

 

๐ Flair - จะเป็นเรื่องที่ดีถ้าหากเพลย์เมกเกอร์ของเราสามารถที่จะโชว์ทักษะเพื่อทำลายเกมรับของฝ่ายตรงข้าม (โรนัลดินโย่). อาจไม่จำเป็นที่จะต้องมีเสมอไป ก็เหมือนกับ Long Shots นั่นแหละ, มีไว้ก็ดีกว่าใช่มั้ยล่ะ

 

๐ Creativity - คือหัวใจหลักของเพลย์เมกเกอร์. ถ้าหากมี creativity สูงมากๆ, จะช่วยให้เขาสามารถร่ายเวทมนต์บนพื้นสนามหญ้า และนำพาไปสู่การได้ประตูของทีมเรา.

 

 

ค่าพลังเหล่านี้ควรที่จะมากกว่า 15. อาจจะเป็น 14 อย่างต่ำ. ตอนนี้เราก็รู้ถึงค่าพลังที่สำคัญสำหรับเพลย์เมกเกอร์ที่ดีแล้ว. ซึ่งอาจจะมีอยู่ในทีมของเราอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง. ถ้าหากไม่สามารถหาเพลย์เมกเกอร์ที่ดีในทีมเราได้, ซื้อใหม่โลด - - (จะบอกทำไมเนี่ย).

 

==================================================================================================

 

Using Your Playmaker

 

 

หลังจากที่เราพบผู้เล่นเพลย์เมกเกอร์ระดับคุณภาพแล้ว, ก็จัดการให้เขาเป็นเพลย์เมกเกอร์ซะ เมื่อได้ลงเล่น. ต่อไปนี้คือสิ่งสำคัญที่เราจะต้องทำก่อนที่จะส่งเพลย์เมกเกอร์ส่งสู่สนาม.

 

ให้เเน่ใจว่าเพลย์เมกเกอร์ของเรา forward runs often. ถ้าเกิดเขาไม่ได้วิ่งขึ้นหน้าบ่อยๆ นั่นจะทำให้การที่จะสร้างสรรค์โอกาสทำประตูลดน้อยลง. ต่อไป, ตั้งให้เพลย์เมกเกอร์เล่น through balls often. เราจะได้ประโยชน์มากๆหากเพลย์เมกเกอร์ของเรามีค่า passing ที่สูง.

 

สิ่งสำคัญที่สุด, เราควรที่จะให้เพลย์เมกเกอร์ของเราได้เล่นอย่างอิสระ (free role). จะช่วยให้เขาทำผลงานได้ดีมาก, โดยเฉพาะถ้าหากเขามีค่า creativity เเละค่าพลังทั่วๆไปที่สูง. เราก็สามารถที่จะปรับการ runs with ball และ long shots ของเขาได้ตามต้องการ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับค่าพลังความสามารถ

ของนักเตะ, แต่ของคนเขียนเค้าตั้งให้เป็น mixed เพราะว่ามันเหมาะกับทีมของเขามากกว่าที่จะตั้งให้ทุกอย่าง

 

 

 

 

หวังว่าจะมีประโยชน์นะครับ :burn_joss_stick:

Edited by bohemian
  • Like 4
Posted

น้ำขิงสักถ้วยมั้ยพี่ แต่ก็ขอบคุณคับ ช่วยได้เยอะเลย

Posted

แรกๆก็แจ๋งดีเพิ่งรู้เทคนิกแต่ลองเลื่อนมาดูก่อนว่ามีไรมั้งโอ้โหยาวมาก จนท้อไม่อยากอ่านเลย555

Posted

ขอบคุณค้าบ แต่ว่าน่าจะแบ่งเป็น หมวดๆ จ่าๆ นะฮะ อ่านแล้วยอมรับว่า ตาลาย ฮะ

Posted

ตามมาหลอนอีกแล้ว อ่านยังไม่จบซะที ส่วนมากอ่านแต่ที่เป็นปัญหากับตัวเอง

Create an account or sign in to comment

You need to be a member in order to leave a comment

Create an account

Sign up for a new account in our community. It's easy!

Register a new account

Sign in

Already have an account? Sign in here.

Sign In Now
×
×
  • Create New...

Important Information

FM-Thai.com uses cookies, by using our website you agree to our use of cookies as described in our Privacy Policy We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.