Jump to content
Sign in to follow this  
ihbnroll

NEC Nijmegen: มาปั้นทีมกลางตาราง ให้เป็นยอดทีมกัน!

Recommended Posts

INTRODUCTION:

 

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว FM ทุกท่าน ผมเป็นคนนึงที่ติดตามเว็บนี้มานาน ตั้งแต่สมัยเกม CM 2001-02 เว็บ cmfan.org นู่น แต่ก็เป็นสมาชิกประเภทล่องหนครับ นานๆ มาตอบมาอะไรที เน้นอ่านซะมากกว่า เข้ามาอีกที FM-Thai ปรับหน้าตาใหม่ พร้อมกับ Account เดิมของผมที่ เอ่อ.... ลืมพาสเวิร์ดไปเรียบร้อย แถมเมล์ที่ใช้สมัครก็บินหายไปด้วยเช่นกัน ผมเลยอวตารร่างใหม่มาเป็นเด็กทดสอบฝีเท้าอยู่อย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ ฮ่าๆๆ

 

ผมชอบอ่านกระทู้ FM Career ครับ เพราะการได้เห็นเพื่อนๆ สมาชิกเทพๆ คุมทีมไล่ล่าความสำเร็จแล้วมันมีไฟในการกลับไปคุมทีมตัวเองดี ทีนี้ประกอบกับที่ว่าผมเองก็กำลังเบื่อๆ กับเซฟเกมที่กำลังเล่นอยู่พอดี ก็เลยเปิดเซฟใหม่มาเพื่อเล่นไปเขียนบล็อก/เขียนกระทู้ไปด้วยโดยเฉพาะเลย ตั้งใจไว้ว่าจะให้เป็นเซฟที่เล่นกันไปยาวๆ จนภาคใหม่ออกนู่นเลยล่ะครับ

 

กระทู้ FM Career ของผมอาจจะต่างจากเพื่อนๆ ในห้องนี้สักนิด สไตล์การเล่าอาจจะไม่หวือหว่าอ่านสนุกแบบเพื่อนๆ ท่านอื่น แต่จะเป็นแนวกึ่งๆ เล่า กี่งๆ บ่นซะมากกว่า อารมณ์ประมาณเรานั่งคุยกับเพื่อนที่เล่น FM ด้วยกันนั่นล่ะครับ คุมทีมยังไง วางแทคติกยังไง ซื้อใครมาบ้าง ปั้นดาวรุ่งคนนั้นคนนี้ อะไรแบบนั้นไปครับ

 

เอาล่ะ แนะนำตัวเสร็จแล้ว ขอเชิญเพื่อนๆ เข้ามาร่วมเดินทางไปกับทีมของผมด้วยกันนะครับ  :039:

ENTRIES:

 

#1 ความเดิมตอนที่แล้ว: เซฟที่แล้วผมทำอะไรลงไป?

#2 เลขที่ออก ได้แก่......

#3 วันแรกที่ NEC มีอะไรต้องทำ?

Edited by ihbnroll
  • Like 8

Share this post


Link to post
Share on other sites

#1 ความเดิมตอนที่แล้ว: เซฟที่แล้วทำอะไรลงไป?

 

จะว่าไป นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมจะเขียนเรื่องราวในเซฟเกม FM ของผมให้คนอื่นอ่าน ด้วยความที่ปกติแล้วเส้นทางอาชีพในเกม CM/FM ของผมเนี่ยค่อนข้างจะน่าเบื่อครับ เล่นมันแต่ทีมเชียร์อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ดอยู่นั่นแหละ แล้วก็มักจะเล่นได้แค่จบฤดูกาลแรก หรือยาวสุดๆ เลยคือไปถึงกลางฤดูกาลที่สาม แล้วก็เลิก ไปเล่นทีมอื่น - ซึ่งก็มักจะเป็นทีมระดับรองๆ ลงมา อย่างเช่น เซาแธมป์ตัน, ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ หรือล่าสุดในภาคที่แล้ว วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่ผมพาทีมจบด้วยการเป็นแชมป์ฟุตบอลลีกแชมเปี้ยนชิพ แล้วกำลังจะได้ขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก - แต่ไม่ทันจะได้เริ่มฤดูกาลอย่างจริงๆ จังๆ - ผมก็เบื่อซะก่อน (ตามเคย ฮ่าๆๆ)

 

ส่วนใน FM 2014 ก็ตามเคยครับ ผมเริ่มต้นเซฟแรกด้วยแมนฯ ยูไนเต็ดอีกเช่นเคย เบื่ออีกเช่นเคย และก็หาทีมเล่นหาความท้าทายใหม่ๆ อยู่นาน จนมาลงตัวที่ทีมปิศาจแดงอีกทีมหนึ่งบนเกาะอังกฤษ นั่นคือทีมในลีกวัน ที่ชื่อว่า ครอว์ลีย์ ทาวน์ ครับ

ผมพาทีมปิศาจน้อย ที่มีเป้าหมายในปีแรกคือจบที่อันดับกลางตารางสบายๆ ไม่ต้องหนีตกชั้น จบที่อันดับ 5 ของลีกวัน คว้าโควต้าเพลย์ออฟเลื่อนชั้นมาได้ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล, เอาชนะทีมบริสตอล ซิตี้ ในรอบรองชนะเลิศด้วยประตูรวม 3-1 เข้าไปชิงโควต้าเลื่อนชั้นสู่เดอะ แชมเปี้ยนชิพกับทีมเบรนท์ฟอร์ด ต่อหน้าสักขีพยานกว่า 50,000 ชีวิตที่เวมบลีย์

 

2013-14_league_table.png

 

และเทพนิยายของเจ้าปิศาจน้อยก็จบลงที่นี่ - และจบแบบกระชากหัวใจผู้จัดการทีมแบบผมเสียเหลือเกินครับ

 

เบรนท์ฟอร์ด เฉือนเอาชนะครอว์ลีย์ ทาวน์ ของผมไปได้หวุดหวิด 1-0 จากประตูชัยของอดีตกองหน้าสุดหล่อทีมชาติโปรตุเกส นูโน่ โกเมส ในนาทีสุดท้ายของการทดเวลาบาดเจ็บ พลาดโอกาสเลื่อนชั้นในฤดูกาลแรกไปแบบฉิวเฉียดสุดๆ

 


ช็อตนี้ผมแทบปาเมาส์เลยนะ ฮ่าๆๆ

 

แต่ก็นั่นล่ะครับ ฤดูกาลต่อมา 2014-15 ผมปรับทีมเล็กน้อย แล้วก็พาทีมเข้าวิน จบฤดูกาลด้วยตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลลีกวัน คว้าโควต้าเลื่อนชั้นสู่เดอะ แชมเปี้ยนชิพแบบอัตโนมัติแบบหล่อๆ มันซะเลย จบฤดูกาลนี้ผมกลายเป็นโค้ชหนุ่มเนื้อหอม มีทีมที่ใหญ่กว่าอย่างซันเดอร์แลนด์ ที่ตกชั้นมาเล่นเดอะ แชมเปี้ยนชิพด้วยกันนี่แหละ,  ทีมจากลีก เดอซ์ ของฝรั่งเศส ที่ผมจำชื่อทีมไม่ได้ และที่เซอร์ไพรส์ที่สุด เฟเนห์บาร์เช่ ยักษ์ใหญ่จากตุรกี พากันมาสู่ขอผมไปคุมทีมกันในซัมเมอร์นี้ด้วย

 

 

leagueonechampion_001.png?w=620

 

 

leagueonechampion_002.png?w=620

เป็น Wonder-maker กันเลยทีเดียว

 

 

leagueonechampion_003.png?w=620

พาดหัวข่าวเรียบๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความครับ, We are the CHAMPION!!

 

2014-15_league_table.png

 

fene_job_interview.png

แล้วก็มีงานใหญ่เข้ามาแบบไม่คาดฝัน ......แต่ก็แห้วด้วยความโลภ ฮ่าๆๆ

 

จริงๆ ผมก็เกือบจะตกลงปลงใจย้ายทีมแล้วล่ะครับ เพราะบอร์ดบริหารทีมผมนี่มันขี้งกเหลือเกิน ขอแค่ปรับสภาพสนามให้มันเรียบๆ หน่อยยังไม่ให้เลย บอกว่าไม่มีตังค์อยู่นั่นแหละ แต่ว่าตอนสัมภาษณ์งานใหม่ ผมก็ดันไปของบซื่อนักเตะเค้าเพิ่ม ก็เลยไม่มีใครรับผมไปทำงานซะยังงั้น

 

ดังนั้นในฤดูกาลที่สาม 2015-16 ผมก็เลยยังเป็นผู้จัดการทีมปิศาจน้อย ครอว์ลีย์ ทาวน์อยู่เหมือนเดิม พร้อมกับสนามที่สภาพดีขึ้น และกำลังอยู่ระหว่างสร้างสแตนด์เพิ่มความจุ จากประมาณสามพันที่นั่ง เป็นห้าพันที่นั่ง (เล็กที่สุดในลีก) และงบซื้อนักเตะเล็กๆ น้อยๆ ค่อยๆ ใช้เหมือนเดิม (จนสุดในลีก เหมือนเคย ฮ่าๆๆ)

 

 

2015-16_league_table.png

ณ เวลาที่ผมนั่งพิมพ์อยู่นี้ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ 2015-16 ในเซฟของผมผ่านไป 12 นัด ผมพาทีมรั้งอันดับ 12 ด้วยคะแนน 17 คะแนน กลางตารางพอดีเป๊ะครับ

 

..................และผมชักอยากจะหาความท้าทายใหม่ๆ อีกแล้วล่ะสิ ชักเซ็งๆ บอร์ดบริหารทีม ฮ่าๆๆ

 

ขอเวลาผมไปเลือกทีมเปิดเซฟใหม่สักพัก แล้วจะมาอัพเดทใหม่ในโพสต์ต่อไปนะครับ สวัสดีครับ

Edited by ihbnroll
  • Like 2

Share this post


Link to post
Share on other sites

#2 เลขที่ออก ได้แก่.........


 


สวัสดีครับ,


 


โพสต์ข้างบนผมเล่าเอาไว้ว่าผมกำลังตัดสินใจเลือกทีมอยู่ ด้วยความที่เซฟนี้ผมกะจะเล่นทีมเดียวไปยาวๆ เลย (ยกเว้นว่าจะมีข้อเสนอจาก Manchester United หรือบิ๊กทีมในยุโรปเข้ามา อิอิอิ) ดังนั้น ถ้าเลือกทีมไปมั่วๆ แล้วเจอทีมที่ไม่พร้อมจะพัฒนาเข้า งานมันจะยากขึ้นอีกโขเลยล่ะครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้เล่นเกมนี้เก่งขนาดที่จะเข็นทีมเล็กๆ ไหว คราวนี้การเลือกทีมก็เลยต้องละเอียดกันหน่อย ผมก็เลยสำรวจความต้องการแล้วก็เป้าหมายของตัวเองที่จะเล่นในเซฟอันนี้ ได้มาตามนี้ครับ


 


1. ผมชอบทีมที่ใช้งานนักเตะได้อย่างคุ้มค่าครับ ดึงตัวมาจากทีมเยาวชน หรือปั้นกันตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ถ้าไม่เล่นกับทีมจนแก่ๆ เลยก็ขายให้ได้ราคางามๆ ดังนั้นผมก็เลยมองหาทีมที่มีศักยภาพในการพัฒนานักเตะได้ดีพอสมควร นั่นคือมี Training Facility กับ Youth Facility ค่อนข้างจะดี


 


2. ผมชอบทีมที่มีการเงินที่ดีครับ ผมเลยมองหาทีมที่มีหนี้สินน้อยๆ แล้วก็สนามมีขนาดพอเหมาะ ไม่เล็กเกินไป เพราะในช่วงปีแรกๆ ที่ทีมยังไม่ดังเนี่ย รายได้จากค่าผ่านประตูจะสำคัญมากครับ


 


3. ผมเลิกเล่น Crawley เพราะคิดว่าคงต้องเข็นกันอีกหลายปีกว่าจะได้ขึ้นถึงลีกสูงสุด ดังนั้น เซฟนี้ผมเลยเลือกที่จะเล่นทีมในลีกสูงสุดของประเทศครับ และลีกสูงสุดทีว่าต้องไม่ใช่ลีกยักษ์ใหญ่ของยุโรปครับ ดังนั้นตัด Premier League, Bundes Liga, La Liga, Calcio Serie A ออกไปก่อนได้เลย


 


และสุดท้าย, ผมจะไม่เลือกทีมลุ้นแชมป์ พวก Big Four, Five, Six, Seven นี่งานมันจะง่ายไปครับ หรือถ้าเลือกทีมเต็งบ๊วย งานก็จะยากไป เดี๋ยวเบื่ออีก ฮ่าๆๆ


 


เอาล่ะครับ เกริ่นมานาน ในทีสุดผมก็เลือกทีมที่จะคุมได้ และเลขที่ออก ได้แก่…..


 


nec_overview_2013-14.png?w=620


 


NEC Nijmegen ก่อตั้งเมื่อปี 1900 ครับ จากการรวมตัวกันของทีม Nijmegen กับทีม Eendrach ครับ ชื่อทีม NEC ก็ย่อมาจาก “Nijmegen Eendracht Combinatie” แปลว่า “Nijmegen รวมกับ Eendracht” แหม่ เล่นง่ายเนอะ


 


ก็ตามชื่อทีมครับ ทีมนี้ก็เล่นกันอยู่ที่เมือง Nijmegen เมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศเนเธอร์แลนด์ครับ เพิ่งฉลองตั้งเมืองครบ 2,000 ปี (ครับ สองพันปี) ไปเมื่อปี 2005 นี่เอง เล่นเกมเหย้าที่สนาม Goffertstadion ความจุ 12,500 ที่นั่ง ถ้วยรางวัลหนึ่งเดียวของทีมนี้ก็คือ แชมป์ Jupiler League หรือลีกลำดับที่ 2 ของฟุตบอลฮอลแลนด์ และล่าสุดครับ สดๆ ร้อนๆ NEC เพิ่งคว้าอันดับ 17 ใน Eredivisie ฤดูกาล 2013-2014 คว้าสิทธิ์ไปตามล่าถ้วยแชมป์ Jupiler League สมัยที่สองแล้วเรียบร้อยครัช แหม่


 


แต่ก็นั่นล่ะครับ โลกความจริงกับเกมมันคนละส่วนกัน NEC ใน FM2014 เป็นทีมที่น่าปั้นทีเดียวครับ มี Training Facility กับ Youth Facility ที่ระดับ Good และมีหนี้สินเพียงแสนกว่ายูโรเท่านั้น ด้วยสนามความจุ 12,500 ที่นั่ง และจำนวนผู้ถือตั๋วปี 8,500 คน รายได้จากค่าผ่านประตูน่าจะช่วยทีมได้ในระดับที่น่าพอใจเลยล่ะครับ ดูรวมๆ แล้ว ถ้าบริหารทีมดีๆ NEC ทีมนี้ยังมีโอกาสโตได้อีกมากเลย


 


เอาล่ะ เมื่อได้ทีมแล้ว เรื่องต่อไปที่ผมอยากจะพูดถึง “เรื่องที่ต้องทำในวันแรกของการคุมทีม” ครับ การจะมีฤดูกาลที่ดี เราต้องเตรียมตัวเตรียมทีมให้ดีตั้งแต่วันแรกของการทำงานเลย ยอมเสียเวลาช่วงแรกเยอะหน่อย แล้วเมื่อสิ่งที่เราวางไว้มันเริ่มเข้าที่เข้าทาง งานของเราจะง่ายขึ้นเยอะมากจริงๆ ครับ


 


แต่เรื่องนี้ ผมขอแปะไว้คุยต่อในโพสต์หน้านะครับ : D


Edited by ihbnroll
  • Like 3

Share this post


Link to post
Share on other sites

#3 วันแรกที่ NEC มีอะไรต้องทำ?

 

สวัสดีครับ,

คราวที่แล้วผมเกริ่นไว้ถึงการจัดการเรื่องต่างๆ ในการคุมทีมวันแรก เพื่อให้งานตลอดปีของเราง่ายขึ้น วันนี้เรามาดูการเตรียมงานในสไตล์ผมกันครับ ปกติแล้วผมจะเล่นเกมนี้แบบไม่ใช่โปรแกรมช่วยอะไรเลย เพราะฉะนั้น เราต้องใช้เครื่องมือแล้วก็ทีมสต๊าฟโค้ชที่เกมให้มาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดครับ และนี่ก็เป็นการจัดการทีมในสไตล์ผมเอง รวบรวมมาจากประสบการณ์ตรง และการอ่านความเห็นจากชาว FM ทั้งในไทยและต่างประเทศครับผม

 

1. ประเมินบุคลากรในทีม

 

วันแรกของงานคุมทีม ก่อนจะไปตกลงสัญญิงสัญญาอะไรกับบอร์ดบริหาร ผมคิดว่าการประเมินทีมตัวเองให้ดีเป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ เพราะถ้าเกิดรับปากอะไรไปโดยไม่เช็คสภาพทีมก่อน แล้วเกิดทำผลงานไม่ได้ตามที่คุยกับบอร์ดบริหารล่ะก็ โอกาสกระเด็นตกเก้าอี้มีสูงมากครับ ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรจะทำทันที ก่อนจะเข้าไปคุยกับบอร์ดคือ แอบไปเช็คตัวผู้เล่นและสตาฟโค้ชที่เราจะได้ร่วมงานด้วยก่อนเลยครับ

และทีมชุดใหญ่ของผมก็มีหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ

nec-nijmegen_-squad-players.png

 

เท่าที่ไล่ดู ทีมนี้สมดุลอายุดีทีเดียวครับ มีทั้งนักเตะดาวรุ่ง นักเตะที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงพีค และนักเตะมากประสบการณ์ก็มีบ้าง ถือว่าน่าพอใจครับ จากที่ประเมินกันในแว้บแรก นักเตะในทีมชุดนี้ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นกำลังสำคัญให้ทีมในปีนี้ก็จะมี

 

dennis-gentenaar.png

Dennis Gentenaar (GK): สำหรับพี่เดนนิส ถือว่าเป็นลูกหม้อของทีม NEC เลยก็ว่าได้ครับ เพราะแกเคยเล่นให้ทีมมาครั้งหนึ่ง ช่วงปี 1995-2005 จากนั้นก็ย้ายไปเล่นให้ Dortmund 1 ปี, Ajax และ VVV Venlo อีกทีมละ 3 ปี ต่อด้วย Almere City ใน Jupiler ลีกอีก 1 ปี ก่อนจะย้ายกลับบ้านมาเล่นกับ NEC ในปี 2013-14 นี่เองครับ (พี่เดนนิสเกิดที่เมือง Nijmegen นี้ และเป็นแฟนทีม NEC มาตั้งแต่เด็กด้วยครับ) ค่าพลังสำหรับการเป็นประตูไม่เลวเลยทีเดียว ถึงส่วนสูงจะน้อยไปนิด และเล่นลูกกลางอากาศได้ไม่ดีเท่าไร แต่ทักษะ ความเป็นผู้นำ ค่าพลังด้านจิตใจ แล้วก็ประสบการณ์น่าจะพอช่วยกลบส่วนนี้ได้ ผมหวังให้เดนนิสเป็นมือหนึ่งให้ผมในปีแรก และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับตำแหน่งในทีมสตาฟโค้ชในปีต่อๆ ไปครับ

 

rens-van-eijden.png

Rens van Eijden (D RC): ในแผงหลัง ผมมีเซนเตอร์ชั้นดีคนนี้ไว้ใช้งานครับ จากค่าพลัง พี่เรน สามารถเล่นได้ทั้งเซนเตอร์และแบคขวาอย่างสบายๆ แต่ผมวางแผนไว้ว่าจะใช้งานเค้าในตำแหน่งเซนเตอร์แบคครับ ด้วยความเร็ว และความสามารถทางจิตใจ และการเล่นกับบอลที่ดี พี่เรนจะยืนเป็นกองหลังตัวสุดท้ายที่เล่นด้วยความสุขุม คอยซ้อนและเก็บบอลให้คู่หูอีกคนในแดนหลัง และเปิดเกมขึ้นหน้าได้ด้วย อารมณ์ประมาณ Rio Ferdinand หรือ Mats Hummels ครับ หัวใจในแผงหลังของผมเลยล่ะ

 

kevin-conboy.png

Kevin Conboy (D/WB L): มาทีตำแหน่งฟูลแบ็ค ผมมี Kevin Conboy ที่ดูแล้วน่าจะเล่นได้ครบเครื่องมากๆ ครับ ค่าพลังแกดูดีไปทุกส่วนจริงๆ สำหรับการมาวิ่งขึ้นลงทางกราบให้ทีม จะติดอยู่นิดนึงตรงที่แกจะวิ่งได้ไม่เร็วอย่างที่วิงแบ็คสมัยใหม่เป็นกันเท่านั้นเอง

 

victor-palsson.png

Victor Pálsson (DM/M C): เด็กหนุ่มวัย 22 จากไอซ์แลนด์ ผู้ชื่นชอบในตัว Steven Gerrard และมี David Beckham เป็นไอดอลคนนี้ ค่าพลังในการเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางสมดุลมากครับ และด้วยอายุเท่านี้ การลงสนามบ่อยๆ ในตำแหน่งห้องเครื่องของทีม จะช่วยให้วิคเตอร์เติบโตมาเป็นกองกลางชั้นดีได้แน่นอน ยกให้เป็นห้องเครื่องของทีมเลยครับ

 

jakob-jantscher.png

Jacob Jantscher (M/AM RL): ถนัดทั้งสองเท้า ยิงประตูดีทั้งใกล้และไกล และเล่นลูกตั้งเตะได้ด้วย นี่คือผู้เล่นที่ดีที่สุดในแนวรุกของทีมอย่างไม่ต้องสงสัยครับ และด้วย Preferred Move – Cuts Inside จะทำให้ Jacob เล่นได้ดีในบทบาท Inside Forward ให้ทีมผมอย่างแน่นอน แนวรุกทีมผมต้องสร้างขึ้นโดยมี Jacob เป็นศูนย์กลางนี่ล่ะครับ

 

michael-higdon.png

Michael Higdon (ST C): ผลผลิตจากอคาเดมี่ฟุตบอลของทีม Crewe Alexandra ที่ว่ากันว่า ดีที่สุดในเกาะอังกฤษ ไมเคิ่ลเป็นกองหน้าสไตล์กองหน้าตัวเป้าโป้งเดียวจอดแท้ๆ เลยล่ะครับ ร่างกายกำยำล้ำเลิศ จบสกอร์ได้ทุกระยะ ทุกท่า ทุกส่วนของร่างกาย ลูกเท้าลูกหัวได้หมด และน่าจะทุกจุดในกรอบเขตโทษ เพราะพี่แกเล่นบอลได้ทั้งสองเท้า เสียอย่างเดียว …ช้า แต่นั่นล่ะครับ การมีคู่หูดีๆ สักคนในแดนหน้า หรือแผงกองกลางที่พร้อมจะสนับสนุนด้วยการเติมเกมขึ้นมาช่วย หรือเปิดป้อนบอลงามๆ ให้ น่าจะช่วยให้ไมเคิ่ลผลิตสกอร์ให้กับทีมได้พอสมควรล่ะครับ อีกอย่างคือสถิติการยิงประตูของแกดีมากครับ สามปีหลัง ลงเล่นให้ทีมเก่าไป 100 นัด กดไป 54 ประตูด้วยกัน หวังว่าแกจะทำได้กับทีมผมด้วยครับ

 

จากห้าผู้เล่นคนสำคัญ ในทีมยังมีดาวรุ่งที่น่าสนใจอยู่อีกหลายคนครับ และนักเตะด้านล่างนี่คือนักเตะที่ผมคิดว่าน่าจับตามองครับ แล้วเราจะมาประเมินผลงานพวกเขากันอีกทีช่วงจบฤดูกาลครับ

 

daan-disveld.png

Daan Disveld (D RC): เจ้าหนุ่มวัย 19 คนนี้น่าสนใจครับ ตำแหน่งธรรมชาติของเขาคือเซนเตอร์ที่เล่นบอลบนพื้นได้ดี (แต่ลูกกลางอากาศห่วยซะยังงั้น) ผมว่าจะลองเข็นแกในตำแหน่งเซนเตอร์ดูสักปีสองปี ถ้าไม่ไหวจริงๆ คงต้องขยับไปเล่นทางแบ็คแทนล่ะครับ

 

joshua-smits.png

Joshua Smits (GK): นี่เป็นอีกคนครับที่ผมดันสุดตัวแน่นอน เพราะนอกจากพลังจะดีแล้วยังเป็นเด็กท้องถิ่น เกิดที่เมือง Nijmegen นี่อีกด้วย แต่ตอนนี้ผมยังลังเลอยู่ว่าจะให้อยู่กับทีมเป็นมือสอง หรือปล่อยยืมตัวไปหาประสบการณ์ก่อนดี

แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องเสริมอยู่บ้างครับ คือตอนนี้ทีมผมยังไม่มีผู้เล่นตำแหน่งแบ็คขวาธรรมชาติในทีมเลย ในขณะที่ตำแหน่งกองหน้า ผมมีแต่สไตล์ตัวเป้าแข็งแรงลูกกลางอากาศดี หรือสไตล์หน้าต่ำเน้นเทคนิก ยังไม่มีกองหน้าเร็วๆ ไว้หมุนเวียนเพื่อความหลากหลายเลย

 

ขั้นต้นในตำแหน่งแบ็คขวา ผมใช้ Daan Disveld ยืนไปก่อนครับ ด้วยความเร็วและทักษะผมว่าเขาน่าจะเอาตัวรอดได้ นอกจากนี้ในทีมยังมี Marnick Vermijl แบ็คที่ยืมมาจากแมนฯ ยูไนเต็ด ไว้สแตนด์บายอีกคน แต่ผมว่าเจ้านี่เต็มที่ก็เป็นได้แค่อะไหล่ คงยืนระยะในลีกนานๆ ไม่ไหวครับ

 

ส่วนตำแหน่งกองหน้า ผมไปดึงกองหน้าวัย 17 จากทีมเยาวชนขึ้นมาสแตนด์บายรอไว้ในทีมสำรองก่อน เจ้าหนูนี่ดูมีอนาคตทีเดียว แต่เพื่อกันเหนียว ผมก็คงต้องมองหน้ากองหน้าสักคนในตลาดนักเตะรอบนี้ครับ

 

แต่ด้วยงบประมาณในส่วนค่าเหนื่อยนักเตะ ที่เหลือที่ว่างให้ผมได้ขยับขยายแค่ 17ยูโร …..ใช่ครับ สิบเจ็ดยูโรถ้วน ซื้อข้าวกินอาจจะยังไม่พอเลย ฮ่าๆๆ ผมคงต้องมองไปที่นักเตะฟรีเอเย่นต์ หรือยืมนักเตะจากทีมอื่นเป็นหลัก แล้วใช้วิชาผันเงินจากงบซื้อตัวมาจ่ายค่าเหนื่อยเอาน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ ยังดีที่บอร์ดบริหารกันเงินไว้เป็นงบซื้อตัวนักเตะให้ผม 250,000 ยูโร ตรงนี้ช่วยได้เยอะเลย

 

ในทีมสต๊าฟโค้ช ผมเข้าไปดูแล้วได้แต่ส่ายหน้า ที่พอจะใช้การได้มีแค่ผู้ช่วยผู้จัดการทีม, โค้ชผู้รักษาประตู แล้วก็หัวหน้าแมวมองที่พอใช้ได้ ที่เหลือผมโละหมดครับ แต่ตำแหน่งที่ผมให้ความสำคัญที่สุดในช่วงแรกเลยคือตำแหน่ง Scout ครับผม

 

ทำไมถึงต้อง Scout?

 

ในช่วงพรีซีซั่น การเสริมทีมเป็นสิ่งแรกๆ เลยที่ต้องทำ ดังนั้นการมีทีม Scout ที่ดี และมี Knowledge กว้างๆ จะทำให้ผู้เล่นที่ปรากฏในหน้า Player Search ของเราเพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงว่าเราจะมีตัวเลือกในตลาดนักเตะเยอะขึ้นด้วยจริงมั้ยครับ วิธีเลือก Scout ของผมนอกจากจะมองค่าพลังแล้วผมดู Knowledge ของเขาด้วยครับ อย่างน้อยต้องช่วยขยาย Player Knowledge ของทีมเราให้กว้างขึ้น ประเทศเดียวก็ยังดี ฮ่าๆๆ เพราะตอนนี้ทีมยังเล็กอยู่ จะไปหาทีมลูกก็คงเสียเวลา และเสียเงิน จริงมั้ยครับ

 

แต่ว่าผลการค้นหาจากการใช้ Staff Search ก็ยังชวนเพลีย เพราะแต่ละคนที่ค่าพลังผ่านเกณฑ์ และไม่ใช่ชาวฮอลแลนด์ เรียกค่าจ้างแพงเกินกว่าที่ผมจะจ่ายได้หมดเลย แต่ผมก็ยังไม่หมดทางเลือกซะทีเดียว ผมเตรียมทางหนีทีไล่ไว้สองทางครับ นั่นคือ

 

  • ยอมมองข้ามค่าพลัง Judging Player Ability, Potential ไป แล้วดูที่สัญชาติ กับ Knowledge ก็พอ พลังห่วยยังไงก็ไปส่องนักเตะให้เราได้เหมือนกัน แล้วเราค่อยตัดสินจากค่าพลัง, Preferred Move ในรายงานเอา
  • ใช้ฟังก์ชั่นที่ผมเชื่อว่า น้อยคนจะรู้ นั่นคือการ “ประกาศรับสมัครงาน” ครับ การประกาศรับสมัครงานก็ทำได้โดยคลิกไปที่ชื่อ ผจก. ทีมของเรา -> Jobs เกมจะพาเราไปที่หน้า Jobs ซึ่งก็จะเป็นที่รวมตำแหน่งงานว่าง หรือกำลังจะว่าง เราสามารถคลิกเลือก Place Advert ด้านล่าง แล้วเลือกตำแหน่งงานที่ต้องการรับสมัคร จากนั้นก็รอสักสองสามวันในเกม ก็จะมีผู้สนใจร่วมงานกับทีมเรามาให้เลือกครับ

job-centre.png

 

เท่านี้ก็น่าจะโอเคสำหรับการจัดการขุมกำลังทั้งในและนอกสนามของทีมในช่วงเริ่มเกมแล้วล่ะครับ

 

2. กำหนดเป้าหมายของทีม และแผนการเล่น

 

หลังจากทำความรู้จักกับผู้เล่นและสต๊าฟโค้ชกันนอกรอบก่อนประชุมกับบอร์ดเรียบร้อยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องเจอแน่ๆ ในการประชุมกับบอร์ดคือ “คุณจะมีปรัชญาการทำทีม (Philosophy) อย่างไร?” เจ้า Philosophy นี่ล่ะครับ ที่จะบอกให้โลกรู้ว่า เราอยากให้ทีมของเราเป็นอย่างไร สำหรับปรัชญาการทำทีมของผมที่วางไว้ก็คือ

 

  • ทำทีมฟุตบอลที่เล่นฟุตบอลเกมรุก
  • พัฒนาผู้เล่นจากระบบเยาวชน

 

แต่จากที่ได้แอบไปส่องทีมมาก่อนแล้ว ทั้งสองอย่างเป็นไปไม่ได้ในปีแรกแน่นอน ฮ่าๆๆ ด้วยขนาดทีมที่ยังเล็ก ทีมสำรอง/ทีมเยาวชนมีนักเตะรวมกันไม่ถึงสิบคน การพัฒนาผู้เล่นด้วยระบบเยาวชนของทีมตัวเองคงต้องยกยอดไว้ปีหน้า ส่วนการเล่นฟุตบอลเกมรุก ด้วยเป้าหมายของทีมและการคาดหมายจากสื่อว่าทีมของผมน่าจะจบฤดูกาลด้วยอันดับกลางตาราง ค่อนไปทางด้านล่างอีกตะหาก การไปสัญญากับบอร์ดว่าจะเล่นฟุตบอลเกมรุกคงจะเป็นการฆ่าตัวตายแน่ๆ ดังนั้น ผมเลือกที่จะยังไม่สัญญาอะไรกับบอร์ดมาก แล้วไปเน้นทำผลงานในสนามให้ดีๆ เพื่อไม่ให้โดนไล่ออกก่อนจะดีกว่า

 

ส่วนเป้าหมายการทำทีม ในใจผมมองไปที่การสร้างทีมให้เป็นทีมระดับหัวตารางของฮอลแลนด์ภายใน 3 ฤดูกาลครับ อันนี้ ทดไว้ในใจก่อนก็แล้วกันเนอะ

 

ในส่วนของแผน/ระบบการเล่น, หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมมากประสบการณ์ได้เคยกล่าวไว้ในการให้สัมภาษณ์กับ FIFAว่า

louis-van-gaal-of-holland.jpg

“สิ่งสำคัญสำหรับผมคือปรัชญาการเล่นมากกว่าระบบการยืน การจะวางผู้เล่นในตำแหน่งอะไรนั้นขึ้นอยู่กับผู้เล่นในทีมที่เรามี ตอนคุมทีม Ajax ผมจัดตัวผู้เล่นแบบ 4-3-3 แต่พอมาบาร์เซโลน่า ผมเล่นระบบ 2-3-2-3 ส่วนกับ AZ ผมให้ทีมเล่นระบบ 4-4-2 ระบบการเล่นนั้นยืดหยุ่นได้ แต่ปรัชญาฟุตบอลของผมยังคงเหมือนเดิม”

 

การจะเป็นยอดทีม นอกจากผลงานในสนามที่ดีแล้ว ระบบการเล่นจะต้องมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองครับ อย่างที่แมนฯ ยูไนเต็ดโด่งดังจากการเล่นเกมรุกทางปีก, บาร์เซโลน่า กับ Tiki-Taka อันลือลั่น, Gegenpressen ของทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ของเจอร์เก้น คลอปป์ ในขณะที่ตอนนี้ มหาอำนาจลูกหนังที่ฮอลแลนด์อย่างอาแจ็กซ์ ก็กำลังพยายามจะคืนชีพระบบโททั่ลฟุตบอลขึ้นมาอีกครั้งภายใต้การนำทีมของแฟรงค์ เดอ บัวร์ แล้วทีมของผม ผมอยากจะให้ทีมเล่นยังไง?

 

  • ผมอยากให้ทีมเล่นเกมบุกได้หลากหลาย
  • ผมอยากให้นักเตะเล่นเกมเพรสซิ่ง กดดันคู่ต่อสู้

 

และด้วยทรัพยากรนักเตะที่มีในทีม แผนแรกของทีม NEC ของผมมีหน้าตาออกมาเป็นแบบนี้ครับ

 

nec_-tactics.png

 

ผมเซ็ตแผนนี้ขึ้นเพื่อสนับสนุนกองหน้าอย่าง Higdon ครับ เพราะแกต้องการคนป้อนบอลสวยๆ ให้จบสกอร์ ผมเลยใส่ Enganche ลงไป ส่วน Inside Forward ผมเซ็ตไว้ฝั่งซ้ายฝั่งเดียว เพราะว่าแบ็คในทีมที่สามารถเล่นเกมบุกได้ เป็นแบ็คซ้ายครับ ส่วนแบ็คขวาตอนนี้ยังเป็นแบ็คจำเป็นอยู่ เลยให้ยกเกมริมเส้นให้ Wide Midfield ไปครับ

 

ตรงกลางสนาม เนื่องจากเซ็นเตอร์ของผมเล่นบอลกับพื้นได้ดีทั้งคู่ ผมเลยสั่งให้ทีมเปิดเกมจากแดนหลัง (Play Out Of Defence) และมี Deep-Lying Playmaker อย่าง Palsson คอยช่วยคุมพื้นที่ เพราะกองกลางอีกคน ผมเซ็ตให้เป็น Box-t0-Box ที่ต้องวิ่งขึ้นลงตลอดครับ

 

แน่นอนว่านี่เป็นการวางเกมไว้แบบหยาบๆ อาจจะเวิร์คหรือไม่เวิร์คก็ได้ คงต้องปรับเกมการเล่นกันอีกมาก ผ่านเกมการแข่งขันจริงต่อไปครับ

 

3. วางแผนการซ้อม และตารางแข่งช่วง Pre-Season

nec_training_individual1.png

มาถึงการฝึกซ้อม การซ้อมของทีม ช่วงเปิดฤดูกาลเป็นเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง มีโค้ชมีผู้เข้าออกทีมมากๆ ผมเซ็ตให้เน้น Team Cohesion กับ Tactic ยาวๆ เลยครับ เพื่อให้นักเตะคุ้นกับแผนของผมให้มากที่สุด ส่วนการฝึกรายตัว ตรงนี้ผมยังไม่ทำอะไรมาก รอคำแนะนำจากทีมโค้ชซะมากกว่า แต่มีนักเตะบางคนที่ผมดูค่าพลังแล้ว ควรต้องปรับปรุง หรือควรเล่นใน Role อะไรที่เหมาะกับแทคติกที่ผมวางไว้ ผมก็เลยให้การบ้านไปทำบ้างนิดหน่อยครับ นอกจากนี้ก็มีจัดนัดอุ่นเครื่องเพิ่มเข้ามาอีกสามนัด กับทีมไม่แข็งมาก เพื่อเรียกความฟิตให้กับทีมครับ

 

ตอนต่อไป เราจะมาดูผลงานในตลาดนักเตะ และผลการแข่งช่วงพรีซีซั่นของทีม NEC ของผมกัน ผมขอตัวไปคุมทีมต่อล่ะครับ สวัสดีครับ : D

 

  • Like 3

Share this post


Link to post
Share on other sites

รออ่านอยู่ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

 

 

ละเอียดมากครับ ชอบๆ สู้ๆครับ

 

ขอบคุณครับผม  :039:

ผมเล่นไปเขียนไป เดี๋ยวสุดสัปดาห์นี้จะมาต่อนะครับ

  • Like 1

Share this post


Link to post
Share on other sites

#4 ชะน นชะ นะช ะนช ะชน ......คำว่า "ชนะ" นี่มันสะกดกันยากจริงๆ นะครัช ...แหม่

กลับมาแล้วครับผม!!

หลังจากหายไปหลายวัน ผมแอบเข้ามาอ่านกระทู้ตัวเองอยู่เป็นระยะๆ แล้วก็เริ่มมีเพื่อนๆ เข้ามาทักทายกันบ้างแล้ว ทำให้ไฟลุกโชนขึ้นมาเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ ก็ …อยากให้มาคุยแลกเปลี่ยนกันเยอะๆ นะครับ ตัวผมเองก็กะจะเล่นเซฟนี้ไปเรื่อยๆ อย่างน้อยๆ ก็อยากพาทีม NEC ทีมนี้คว้าแชมป์ Eredivisie ให้ได้สักสมัย ….ถ้าไม่โดนบอร์ดบริหารไล่ออกไปซะก่อนนะครับ ฮ่าๆๆ เซฟนี้ผมเล่นจริงเจ็บจริงแพ้จริง โดนไล่ออกก็โดนไล่ออกจริงๆ ครับ

 

ว่าแล้วก็มาดูผลงานช่วงปรีซีซั่นของทีมผมกันครับ

 

nec_preseason_results.png?w=620&h=159

 

ดูเผินๆ เหมือนผลงานก็ไม่ขี้เหร่เท่าไร แต่ถ้าสังเกตดูดีๆ นัดที่ชนะนี่ คือเจอทีมที่อ่อนชั้นกว่าทั้งนั้นเลยครับ มีโดนหมูกัดเข้าให้นัดนึงด้วย คือนัดแพ้ UDI ’19 ที่กะจะเรียกมายำเล่นสร้างความมั่นใจให้นักเตะ แต่กลายเป็นโดนเขายำไปซะอย่างงั้น ฮ่าๆๆ เรียกว่าแท็คติกที่วางไว้ให้ทีมเล่นนั้นยังไม่เข้าที่ จุดอ่อนที่เห็นชัดเลยคือแนวรับที่ปวกเปียกยังกับกระดาษทิชชู่แช่ในน้ำซุปกระดูกหมู แต่ละประตูที่เสียคือโดนเผาแบบหมดท่าจริงๆ ครับ เช่นคอมโบเซ็ตสองลูกนี้จาก Imoh Ezekiel กองหน้าตัวเก่งของทีม Standard ชุดนี้

 

 

 

การจัดตัวลงสนามในนัดอุ่นเครื่องรอบนี้ของผมผิดแผนไปเยอะพอสมควรครับ เพราะความที่ผมเริ่มจัดโปรแกรมให้เตะตั้งแต่ปลายเๆ เดือน มิถุนายน นักเตะในทีมยังไม่ฟิตเต็มที่ หรือมาเจ็บผ่านการลงสนามไปก็มี ทำให้การจัดตัวลงในแต่ละนัด เป็นการเลือกเอาคนที่ดูจะพอมีแรงบ้างลงสนามไปตามตำแหน่งแค่นั้นเองครับ

 

ในส่วนของแท็คติก การวางมิดฟิลด์ไว้เป็น Box-to-Box และ Enganche นี่นับได้ว่าเป็นเรื่องพลาดอย่างมหันต์เลยครับ สองคนนี้จะชอบดันเกมขึ้นไปสูงมาก  สูงพอๆ กับกองหน้าเลย ปล่อยให้พื้นที่กลางสนามโล่งโจ้ง เหมาะแก่การสวนกลับเร็วเป็นอย่างยิ่ง บวกกับแนวรับที่ยังไม่ค่อยจะลงตัวเท่าไร ผลที่ได้ก็คือ ….นั่นล่ะครับ …กระดาษทิชชู่แช่ในน้ำซุปกระดูกหมูกันเลยทีเดียว

 

ด้านการเสริมทัพ ณ เวลานี้ ผมได้นักเตะเข้ามาเติมทีม 1 คน ถ้วน ในตำแหน่งแบ็คขวา

stanislav-manolev.png

 

Stanislav Manolev นักเตะสารพัดประโยชน์ดีกรีทีมชาติบัลแกเรียที่เล่นได้ทุกตำแหน่งทางกราบขวา รูปร่างก็ดี และค่าพลังโดยรวมนั้นครบเครื่องมากครับ ผมยอมจ่ายค่าเหนื่อยเกินงบ พร้อมปิดงบซื้อขายนักเตะของซีซั่นนี้เพื่อให้เขามาวิ่งขึ้นลงทางกราบให้ทีมผมเลยล่ะครับ นี่คือแบ็คขวาตัวจริงของทีมตลอดซีซั่นอย่างแน่นอน

 

ส่วนในทีมสต๊าฟโค้ช ผมเปลี่ยนแทบจะยกชุดเลยครับ เหลือแค่ผู้ช่วย กับโค้ชผู้รักษาประตูเท่านั้นที่ไม่ถูกกำจัดจุดอ่อนออกไป, นอกจากนี้ผมยังเซ็นสัญญากับ scout แบบมองข้ามทุกค่าพลัง สนใจแต่ knowledge ล้วนๆ มาอีก 5 คน ด้วยกันครับ ใน 5 คนนี้มีชาวฮอลแลนด์แค่คนเดียว นอกนั้นเป็นชาวสวีเดน, โมร็อกโค, เบนิน แล้วก็สก็อตแลนด์ครับ ซึ่งก็ทำให้ค่า knowledge ของทีมเพิ่มขึ้นจาก 13% ในวันนั้น

 

scout_before.png?w=620&h=543

 

กลายเป็น 22% ในวันนี้

 

scout_after.png?w=620&h=555

 

แน่นอนว่าจำนวนผู้เล่นและสต๊าฟ ในหน้า Player Search, Staff Search ของเราจะมากขึ้นไปด้วยครับ ตรงนี้สำคัญนะ ถ้าเราเป็นคนหานักเตะเข้าทีมเอง ตรงนี้ช่วยได้เยอะมากครับ แต่สำหรับผม กว่าจะรวบรวม Scout เข้าทีมได้ …..ตลาดนักเตะก็ปิดไปซะแล้ว

 

ตอนที่นั่งเขียนอยู่นี่ โลก FM ของผมเป็นเดือนพฤศจิกายน 2013 ครับ ฟุตบอลยุโรปในฤดูกาล 2013-14 กำลังเข้าสู่ช่วงกลางฤดูกาล และผลงานของ NEC ที่ผมคุมอยู่ก็เรียกได้ว่า ….ขี้เหร่เลยทีเดียว ผมพาทีมชนะในเกมลีกได้เพียงสองนัดจากโปรแกรมทั้งหมด 12 นัด คือเปิดบ้านชนะทีมบ๊วยอย่าง Heracles 3-0 แล้วก็ชนะ FC Utrecht ทีมจ่าฝูง(ณ วันที่แข่ง) แบบสุดมันส์ 4-2 ยิงได้แต่ละลูกผมงี้โดดตัวลอยอยู่คนเดียวในห้องเลยครับ ตอนเล่นทีมใหญ่ๆ แทบไม่ค่อยมีอารมณ์แบบนี้เลย ฮ่าๆๆ

 

 

ส่วนผลงานโบดำ คือนัดที่แพ้ Vitesse ไปแบบหมดรูป 1-4 แล้วก็นัดล่าสุดกับ Ajax ที่ครึ่งแรกทีมผมเล่นได้ดีมาก แต่พอลงสนามมาในครึ่งหลัง เกมพลิกเป็นหนังคนละม้วนเลยครับ ถูกลูกทีมของเฮีย Frank de Boer บดเอาชนะไปได้ 2-0 จากลูกเตะมุมในนาทีที่ 86 และบวกประตู 2-0 จากความผิดพลาดของผู้รักษาประตูของเจ้า Kalle Johnsson ประตูมือสองที่โชว์ฟอร์มดีกว่าพี่ Denis Gentenaar ที่ดันเตะเปิดเกมพลาด ถูก Yannick Ferreira Carrasco ตัวรุกของ Ajax โชว์ท่าไม้ตาย “ปืนใหญ่ลูกเตะแรงสะท้อน” จากการ์ตูนเรื่องกัปตันซึบาสะ ซัดเข้าประตูไป

มาดูผลการแข่งขันในสามเดือนแรกของผมกับ NEC กันครับ

 

nec_results_october2013.png?w=620&h=202

 

ช่วงที่แย่ที่สุดคือโปรแกรมเพชรหนังพันล้าน ที่ผมต้องเจอทีมใหญ่กว่าอย่าง FC Twente, Feyenoord ตามด้วย PSV แล้วเก็บมาได้แค่แต้มเดียวนั่นล่ะฮะ ตอนนั้นเก้าอี้ผมร้อนสุดๆ เลยครับ ก่อนเกมที่ต้องออกไปเยือน Heerenveen มีข่าวพาดหัวเลยว่าถ้าผมพลาดแพ้เกมนี้ บอร์ดบริหารทีมคงหมดความอดทนปลดผมออกจากตำแหน่งแน่ๆ แต่โชคยังดีที่ผมเก็บผลเสมอมาได้ แล้วต่อยอดไปที่เกมปราบจ่าฝูง FC Utrecht นั่นเองครับ

 

ผมมานั่งวิแคะหาสาเหตุว่าอะไรทำให้ผลงานทีมผมมันกากได้ขนาดนี้ สรุปมาเป็นข้อๆ ได้ตามนี้ครับ เพื่อนๆ ที่คุมทีมกลางๆ ค่อนไปทางล่างของตารางเก็บไว้เป็นข้อคิดนะครับ จะได้ไม่เจ็บปวดแบบผม ๕๕๕๕

  • อันดับแรกเลยครับ “ผมประเมินทีมตัวเองหยาบเกินไป”, นี่เป็นข้อเสียของการมาเล่นทีมที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนแบบนี้ครับ ปกติการคุมทีมที่เราเชียร์นี่คือเรารู้แทบทุกอย่าง ติดตามมาตลอด คนไหนเก่งคนไหนอ่อนยังไงนี่ แทบไม่ต้องดูค่าพลัง จัดตัวได้เลยใช่มั้ยครับ แต่มาคุมทีมที่ไม่รู้จักแบบนี้ การประเมินขุมกำลังทีมตัวเอง “เทียบกับทีมคู่แข่ง” สำคัญมากครับ อย่างกรณีของผมคือ ผมมองข้ามจุดอ่อนของทีมตัวเองไปแบบจังๆ เลย, แทคติกที่ผมวางไว้เน้นการต่อบอลสั้นกันอย่างรวดเร็ว เพรสซิ่งสูงแย่งบอลได้บุกเร็วทันที แต่! ในทีมผมไม่มีนักเตะสปีดจัดๆ เลย ผลก็คือบอลที่จ่ายเร็วไปในพื้นที่ว่างๆ กลายเป็นบอลเสียไปซะเกือบหมดเลย
  • ข้อต่อมา พอเปิดฤดูกาลมา ผมได้ Soren Rieks ปีกตัวเก่งอีกคนกลับมาจากอาการบาดเจ็บ ผมเลยปรับแผนจากเดิมที่ริมเส้นสองข้างจะยืนเป็น AM L คนหนึ่ง แล้วก็ M R คนหนึ่ง กลายเป็น 4-2-3-1 ไป ซึ่งในเกม FM 2014 เนี่ย การวางนักเตะในตำแหน่ง AM R, AM L จะทำให้นักเตะลงมาช่วยเกมรับน้อยกว่า M R, M L มากครับ ปีกผมแทบไม่ไล่บอลเลย ประกอบกับแบ็คซ้ายทีมผมอย่าง Kevin Conboy เป็นนักเตะที่วิ่งไม่เร็วด้วยแล้ว ทำให้ผมเสียฟาวล์รอบๆ เขตโทษบ่อยมาก แล้วก็กลายเป็นโอกาสลุ้นประตูจากทีมคู่แข่งอย่างดีเลย แถมฟาวล์พื้นที่สุดท้ายแบบนี้ โอกาสได้ใบเหลืองง่ายมากครับ พอนักเตะมีใบเหลืองติดตัวนี่แทบไม่กล้าเล่นไม่กล้าเข้าแท็คเกิ้ลเลย
  • การวางแท็คติกที่ไม่เจียมตัวก็น่าจะเป็นอีกสาเหตุที่ทีมผมเล่นได้แย่ครับ อย่างที่บอกว่ารวมๆ แล้วนักเตะทีมผมจะค่อนข้างช้า แต่ผมดันทะลึ่งไปเล่นต่อบอลเร็ว ดันแนวรับขึ้นสูง ก็โดนวางตัดกองหลังให้เพลินเลยสิครับโธ่!! ด้วยความต้องการปรับเกมให้ทีมรัดกุมขึ้น ผมไปเจอกระทู้ The School of the Defensive Arts กระทู้นี้เข้าที่เว็บบอร์ดของ SIgames ผมเลยเอาแนวทางการวางแผนของท่าน @Cleon81 เจ้าของกระทู้มาปรับใช้กับทีมตัวเอง ปรากฏว่าทีมผมเล่นกันได้แน่นขึ้นมากครับ น่าจะเริ่มใช้ตอนนัดเสมอ Twente นี่ล่ะครับ

 

ตอนนี้แผนการเล่นของทีมผมก็จะมีหน้าตาประมาณนี้ครับ

 

nec_tactic_oct2013.png?w=620

 

จากที่เล่าไว้ว่าผมเสียปีกตัวเก่งไปกับอาการบาดเจ็บ ผมก็เลยดันวิงแบ็กอย่าง Stanislav Manolev ขึ้นมายืนปีกขวา แล้วส่งดาวรุ่ง Daan Disveld ที่พอจะเล่นแบ็คได้ลงมาเป็นแบ็คขวาแทน ทำให้เกมฝั่งนี้แน่นขึ้นเยอะ ฝั่งซ้ายผมปรับ Kevin Conboy ให้เป็น Wing Back (Support) แทนที่จะเป็น Attack เหมือนเดิม เพราะแกวิ่งช้า เติมขึ้นไปสูงๆ แล้ววิ่งลงไม่ทันบ่อยมากครับ ให้เล่นแบบคุมพื้นที่ รอโอกาสดีๆ ค่อยเติมเกมไปเปิดสวยๆ จะดีกว่า

 

ส่วนกองหน้าผมปรับจาก Target Man (Attack) มาเป็น Deep-Lying Forward (Support) เพื่อให้เขาไม่โดดเดี่ยวเกินไปในแดนหน้าครับ ตอนนี้หน้าเป้าของผมมีส่วนร่วมกับเกมเยอะขึ้น ได้ลงมาต่อบอลทำชิ่งกับเพื่อน นำไปสู่การเปิดพื้นที่กองหลังบ่อยๆ เลยครับ

 

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงจะเล่นช้า เน้นออกบอลให้แน่นอนเท่าไร ก็ยังมีลูกจ่ายเหวอๆ ออกมาเรื่อยๆ อยู่ดี ตรงนี้คงต้องปรับแก้กันต่อไป

 

สำหรับตอนนี้ ผมขอตัวไปพาทีมลุ้นหนีตกชั้นต่อก่อนล่ะนะครับ ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้าครับ

Edited by ihbnroll
  • Like 1

Share this post


Link to post
Share on other sites

ติดตามแบบ reality เลยครับ 55555 สู้ๆครับ

 

ตอนหน้าลุ้นกว่านี้อีกฮะ นี่รู้สึกว่าหัวเถิกขึ้นไปอีกหน่อยนึงตั้งแต่เล่นเซฟนี้มา ฮ่าๆๆ

Share this post


Link to post
Share on other sites




#5 5 วัน อันตราย!






 


ความเดิมตอนที่แล้ว ทีม NEC ที่ผมคุมอยู่กำลังตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ครับ เกมรับไม่ดี เกมรุกก็ยิงได้บ้างไม่ได้บ้าง ชนะใครเค้าไม่ค่อยเป็น อันดับค่อยๆ รูดลงสู่ท้ายตารางเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในทีม!? เหตุการณ์จะพลิกผันไปอย่างไร ติดตามกันได้เลยครับ


 


อย่างที่ทราบกันว่าตอนนี้ตำแหน่งผู้จัดการทีมของผมกำลังสั่นคลอนอย่างหนัก เริ่มมีเสียงมาจากอดีตนักเตะ อดีตทีมงานที่เกี่ยวข้องออกมาพูดกับสื่อ บ้างก็สนับสนุนให้ผมทำทีมต่อ บ้างก็ออกมากดดันให้ผมรีบเค้นฟอร์มออกมาโดยเร็ว โดยหลังจากนัดพ่ายต่อ Ajax แบบน่าเขกกะโหลกตัวเองกันทั้งทีม ผมพาทีมบุกไปเสมอทีมใหญ่อย่าง AZ 1-1 ตามด้วยเสมอกับทีมอันดับใกล้เคียงกันอย่าง Zwolle แบบไร้สกอร์ แล้วก็เปิดบ้านแพ้ให้กับ GA Eagles 0-1 หลังเกมนี้ สถานการณ์ในทีมผมคุกรุ่นมาก ร้อนถึงบอร์ดบริหารที่ทนฟอร์มย่ำแย่แบบนี้ไม่ไหว ต้องเรียกผมเข้าประชุมด่วน เนื้อหาการประชุมก็ประมาณว่า


 


"นี่ผลงานทีมมันชักจะแย่แล้วนะคุณ ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้"


 


"ทั่นประธานที่เคารพ ผมรู้สึกว่านักเตะในทีมผมมันเปราะกันเหลือเกินครัช เล่นไปๆ เดี๋ยวเหนื่อยมั่งเดี๋ยวเจ็บมั่ง ผลงานทีมมันก็เลยไม่สม่ำเสมออย่างที่เห็น"


 


"ผมว่าเหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้น, ผมยื่นคำขาดให้คุณนะ 5 นัดจากนี้ คุณต้องมีแต้มกลับมาอย่างน้อย 9 แต้ม ไม่งั้นก็เตรียมเก็บของกลับเมืองไทยได้เลย"


 


"เห้ย! 9 แต้ม! จะดีเหรอครับทั่นประธาน"


 


"งั้นก็เลือกเอาว่าจะลาออกเองหรือจะให้ผมไล่ออก"


 


"โอเคครับนาย 9แต้มนะครับ จัดไป!"


 


ครับ เรื่องมันก็จบตรงที่ในเกมลีก 5 นัดข้างหน้า ผมต้องทำแต้มให้ได้อย่างน้อย 9 แต้ม โดยโปรแกรม 5 นัดที่จะชี้ชะตาว่าโปรเจคต์ปั้นดินให้เป็นดาวของผมจะได้ไปต่อหรือไม่ ก็คือการออกไปเยือน NAC Breda, เปิดบ้านเจอทีมรองบ๊วย SC Cambuur คั่นด้วยฟุตบอลถ้วย 1 นัด เจอกับ FC Twente แล้วเปิดบ้านเจอทีมที่ปั้น Arjen Robben มาแล้วอย่าง FC Groningen, ปิดด้วยเกมเยือนสองนัดติดกันคือพบ RKC และ Roda JC ครับ


 


มาที่นัดแรก ภายใต้ความกดดันอันหนักหน่วง ผมก็ยังคงต้องเน้นเกมรัดกุมไว้ก่อนเพราะนี่เป็นนัดเยือน การเสียประตูก่อนคือสิ่งเลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเกิดได้ และ ตู้ม!! นาทีที่ 23 NAC Breda ออกนำจาก Elson Hooi ที่ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดในการยืนตำแหน่งของทีมผมยิงเข้าไปอย่างสวยงาม และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0


 


hooi_goal.png?w=620&h=219


 


ครึ่งหลังผมปรับเกมจาก Defensive มาเป็น Standard เพื่อให้ลูกทีมดันเข้าหาประตูมากขึ้น และเน้นเปิดเกมจากริมเส้นทั้งสองฝั่ง และการแก้เกมรอบนี้ก็ได้ผล! ผมได้สองประตูจากการบุกขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวาของ Novarone Foor เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งของทีม เปิดเข้ากลางมาให้พี่ Michael Higdon เข้าฮอสเป็นประตูถึงสองลูกติดกัน ในนาทีที่ 67 และ 68 (ประตูที่สองเกมให้เป็นเครดิตของ Foor แต่ผมว่าน่าจะเป็น Higdon มากกว่าน๊า)


 



 


จบเกมแรกไปด้วยสกอร์ 2-1 แบบที่ว่าผู้จัดการทีมอย่างผมโล่งสุดๆ เลยทีเดียว เพราะสถิติในเกมเป็นรองทุกอย่างครับ แต่ครึ่งหลังลูกทีมผมสวมหัวใจสิงห์ ช่วยกันสกัดเอาไว้ได้หมด ตอนนี้สปิริตในทีมเริ่มกลับมาครับ ความมั่นใจมาละ นัดหน้าบุกไปเจอทีมอ่อนกว่าแบบ Cambuur นี่ไม่พลาดแน่นอน!


 


แล้วก็ตามที่โม้ไว้ครับ NEC คุมเกมไว้อยู่หมัด เปิดบ้านเอาชนะ Cambuur ไปแบบไม่ยากเย็น 3-0 แบบที่ Cambuur ยิงตรงกรอบแค่ครั้งเดียวในเกม ผู้ทำประตูก็ไม่ซ้ำหน้าครับ Novarone Foor เพลย์เมคเกอร์วัย 21 ปี ยังร้อนแรงต่อเนื่อง เบิกสกอร์แรกให้ทีมในนาทีที่ 55 ตามมาด้วย Soren Reiks ปีกจอมเจ็บประจำทีม เล่นสองนัดเจ็บหกวีคเป็นประจำฮะคนนี้ ฮ่าๆๆ และปิดท้ายด้วย Stanislav Manolev แบ็คขวาจอมแกร่ง ในนาทีที่ 66 และ 81 ตามลำดับ


nec-cambuur_overview.png?w=620


 


สถิติหลังเกมฮะ นานๆ จะชนะซะที ขอโชว์นิดนึง ฮ่าๆๆ


nec-cambuur_stats.png?w=620


 


และนี่คือโฉมหน้าของนักเตะที่เล่นได้เด่นที่สุดในสองนัดที่ผ่านมา Novarone Foor ครับ


foor_profile.png?w=620&h=449


 


ชนะนัดนี้สร้างสถิติให้กับตัวเองได้อย่างหนึ่งครับ คือนี่เป็นครั้งแรก ที่ผมคุมทีมชนะติดกันสองนัดในเกมลีก! เท่ากับว่าในอีกสามนัดที่เหลือผมต้องการแค่สามแต้มเท่านั้น ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ชนะรวดไปเล้ยยยยยยยยย


nec-groningen.png?w=620


…………………………………


triple-facepalm.png?w=620&h=297


 


เกมจบตั้งแต่ 10 นาทีแรกเลยทีเดียว  นี่หมายถึงว่า อีก 2 นัดที่เหลือ ผมต้องพาทีมชนะให้ได้อย่างน้อย 1 นัด เพื่อความอยู่รอดในอาชีพการงานที่นี่ ผมตัดสินใจกระโจนเข้าสู่ตลาดนักเตะครับ พอดีว่าในเกมเป็นช่วงเปิดตลาดหน้าหนาวพอดี และก็ได้นักเตะมาเสริมทีม 1 ราย นั่นคือ


sasha_profile.png?w=620&h=446


ผมไปเจอตัว Eduardo Sasha จากหน้า Player Search ครับ Sasha เล่นให้กับทีม Internacional ในลีกบราซิลครับ ช่วงนี้ที่บราซิลปิดฤดูกาลพอดี ผมเลยได้โอกาสไปยืมตัวเค้ามาแบบฟรีๆ ไม่ต้องจ่ายเงินสักยูโรเลย แล้ว Sasha ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง ซัดประตูให้ทีมทันทีในนัดแรกที่ลงสนาม แล้วเป็นประตูชัยพาทีมบุกปราบ RKC ถึงบ้าน 1-0 ครับ


rkc-nec.png?w=620


และนั่นก็หมายถึง ผมรอดจากการตกงานแล้ว!!!! ……………….แบบชั่วคราว คงรอดจากการถูกเพ่งเล็งไปได้อีกสักพักล่ะครับ แหะๆๆ


 


นัดถัดมาผมพาทีมบุกไปเสมอ Roda JC แบบสุดมันส์ 2-2 แบบที่โดนนำก่อน 2-0 ในนาทีที่ 74 แล้วมายิงคืนสองลูกรวดในนาทีที่ 78 และ 81 รอดความพ่ายแพ้มาได้แบบหวุดหวิดสุดๆ ปิดภารกิจชี้ชะตา 5 นัด 9 แต้มไปแบบพอดีคำ ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1 เก็บไป 10แต้ม พาทีมขึ้นมาอยู่อันดับที่ 14 เหนือโซนตกชั้นอยู่ 3 คะแนนด้วยกัน แรงกดดันจากบอร์ดและคนภายนอกลดไปโขเลยครับ


 


league_table.png?w=620&h=285


จากนี้เหลือเกมอีก 14 นัด ยังมีโอกาสทำแต้มอีกเยอะก่อนจบฤดูกาล ผมคงต้องเค้นฟอร์มจากลูกทีมหนักหน่อยล่ะครับ


 


การได้เจ้า Eduardo Sasha มาช่วยเพิ่มมิติในการเข้าทำขึ้นอีกมากเลยครับ เพราะแกเป็นกองหน้าสไตล์จี๊ดจ๊าด ที่พาบอลไปเองได้ดี บางทีผมอาจจะพิจารณาปรับตำแหน่งยืนจากเดิม 4-2-3-1 มาเป็น 4-4-2 เพื่อใช้ประโยชน์จากตรงนี้ หรืออาจจะขยับ Sasha ไปยืนกองหน้าริมเส้น คอยป่วนฝั่งตรงข้ามในเกมสวนกลับเร็ว หรือจะใช้เขาเป็นหน้าเป้าคนเดียวสลับกับตัวเลือกที่เหลือ ก็คงแล้วแต่สถานการณ์ล่ะนะครับ


 


ตอนนี้ตำแหน่งในแผงกองหลังมาจนถึงมิดฟิลด์ตัวกลางค่อนข้างลงตัวแล้วล่ะครับ ขาดก็แต่สามประสานที่จะยืนหลังกองหน้าที่ยังผลัดกันเล่นผลัดกันเจ็บ จนยังหาฟอร์มไม่เจอกันซะที หวังว่าจากนี้ไปความพยายามปรับทีมจะส่งผลบ้างล่ะนะครับ


 


แล้วเจอกันอีกครั้ง ในโปรแกรมโหดช่วงท้ายฤดูกาลครับ


 


สวัสดีครับ : D


Edited by ihbnroll
  • Like 1

Share this post


Link to post
Share on other sites

อ่านแล้ว สนุกมากครับ

เหมือนเราเป็นแฟนบอลทีม นี้ไปเลย

Share this post


Link to post
Share on other sites

อ่านแล้ว สนุกมากครับ

เหมือนเราเป็นแฟนบอลทีม นี้ไปเลย

 

ขอบคุณมากครับผม  :039:

รออ่านตอนต่อไปได้เรื่อยๆ เลยนะครับ จะพยายามไม่ให้กระทู้ตายครับผม

Share this post


Link to post
Share on other sites

สนุกดี รอติดตามครับ

Share this post


Link to post
Share on other sites

 

#7 NEC 1ST TIME: ตอนโดนไล่ออกครั้งแรก

 

ครับ,

ในที่สุดฤดูกาลแรกของผมกับการพยายามเข็นทีม NEC ให้กลายเป็นยอดทีมก็จบลง

พร้อมกับงานในตำแหน่งผู้จัดการทีมทีมนี้ของผมที่จบลงด้วยเช่นกัน

 

ก็เป็นไปตามวิถีทางของฟุตบอลล่ะครับ เมื่อทำทีมผลงานแย่ จะโดนให้ออกจากตำแหน่งก็เป็นเรื่องธรรมดา

เรามาดูผลงานในช่วงสุดท้ายของฤดูกาลแรกและฤดูกาลเดียวของผมกับ NEC กันครับ

 

หลังจากผ่านห้านัดอันตรายมาแบบเท่ๆ ผลงานของ NEC ก็ยังคงกระท่อนแท่นเช่นเคยครับ

แม้ว่าจะเอาชนะบิ๊กทีมของประเทศอย่าง PSV หรือบุกไปเชือด Ajax ได้ถึง Amsterdam Arena แต่ผลงานที่เจอกับทีมแย่งตำแหน่งกันโดยตรง ทีมผมทำผลงานได้เข้าขั้นหายนะเลยครับ

จะเรียกว่าเล่นแย่ก็คงไม่ถูกนัก เพราะหลายนัดทีมผมเป็นฝ่ายบุกใส่ และสร้างโอกาสจบสกอร์สวยๆ ได้มากกว่าคู่แข่ง แต่ดันยิงกันไม่ได้ บวกกับความผิดพลาดระดับตำบลในเกมรับ ทำให้ผลการแข่งขันออกมาปวดตับเหลือกันครับ เรื่องเกมรับนี่แก้ยังไงก็ไม่ตกจริงๆ

โดยเฉพาะนัดสุดท้ายที่เจอกับทีมอ่อนกว่าอย่าง Cambuur ซึ่งหากผมพาทีมชนะได้ ก็จะรอดตกชั้นในฤดูกาลนี้ ผมโดนเผาเละ 5-2 หน้าตาเฉย จบฤดูกาลปกติด้วยอันดับ 17 รองบ๊วยของตาราง

 

แต่ ระบบลีกของที่นี่ ถ้าทีมไม่ได้อันดับบ๊วยจริงๆ คุณมีโอกาสเสมอครับ ยังมีรอบ Play-off ให้ได้เล่นกัน โดยจับคู่เตะกัน 8 ทีม แบ่งเป็น 2 ทีมจาก Eredivisie และอีก 6 ทีมจาก Jupiler League โดยผมได้เจอกับทีม Dordrecht จาก Jupiler Legue และผลงานก็ยังไม่กระเตื้อง แพ้ไปด้วยผลรวมประตู 2-3

 

nec_results.png

 

และนั่นทำให้หลังจบนัดนี้ บอร์ดบริหารทีมเรียกผมเข้าประชุมด่วนทันที

สรุปเนื้อหาการประชุมได้ว่า "คุณทำผลงานทีมได้แบบนี้ เลือกเอานะครัช ว่าจะเป็นคนลาออกเองหรือให้เราไล่คุณออกนะเครียช แหม่"

 

แน่นอนว่าผมพร้อมรับผิดชอบกับความล้มเหลวของทีมในฤดูกาลนี้ ลาออกจากทีมทันที หยุดโครงการนี้ไว้เพียงแค่ฤดูกาลแรกเท่านั้น

 

ผมลองมาวิเคราะห์ดูว่าผลงานที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจากอะไรบ้าง หลักๆ เลยผมคิดว่าการประเมินขุมกำลังในทีมของผมยังไม่ดีพอครับ แม้จะมีผู้เล่นที่น่าสนใจในหลายๆ ตำแหน่ง แต่ในขุมกำลังสำรอง ผู้เล่นที่มีอยู่ยังทดแทนกันไม่ได้ดีพอ โดยเฉพาะในแนวรุกครับ

 

นอกจากแผงหลังสี่คน และมิดฟิลด์ตัวกลางสองคนที่ลงตัวแล้ว หัวใจในเกมรุก คือมิดฟิลด์เกมรุกหลังกองหน้าทั้งสามคน แทบไม่ได้ลงเล่นด้วยกันอย่างสม่ำเสมอเลย ผู้เล่นที่ผมคิดว่าดีที่สุดในตำแหน่งนี้คือ Jacob Jantshcer ที่ปีกซ้าย, Samuel Stefanik ตรงกลาง, และ Soren Rieks ที่ปีกขวา แต่สามคนนี้ผลัดกันเจ็บตลอดครับ Rieks นั้นเจ็บมาตั้งแต่ต้นฤดูกาลเลย แล้วพอผมส่งลงสนามเพื่อเรียกความฟิต ก็เจ็บอีก ทำให้ได้เล่นด้วยกันน้อยมาก เกมรุกของผมก็เลยฝืดตามไปด้วย โดยที่ผมเองก็ยังวางใจในขุมกำลังสำรองของทีม, Novarone Foor เล่นได้ดีเมื่อได้รับโอกาสลงสนาม แต่ด้วยร่างกายที่เล็ก (สูงแค่ 162cm) พอถูกรุมตรงกลางสนาม ก็หมดแรงหรือเจ็บได้ง่ายมากครับ โดนเปลี่ยนออกแทบทุกนัดเลย

 

ยังมีเรื่องการเลือกใช้แท็คติกของผมเอง ที่ในช่วงต้นฤดูกาล ผม "ชะล่าใจ" กับการวางแทคติกของตัวเองมากไปครับ มั่นใจว่าถ้าเล่นแผนเดิมไปเรื่อยๆ พอทีมเริ่มคุ้นกับระบบแล้ว "น่าจะ" โชว์ฟอร์มดีๆ ออกมาได้

ซึ่งมันกลายเป็นความผิดพลาด และทำให้ผมเสียตำแหน่งในทีมไปเมื่อจบฤดูกาลครับ

 

หลังต้องลาออกจากทีม ผมลองสมัครงานดูหลายๆ ทีม แต่ที่มีตอบรับมาก็มีเพียงทีม Arzachena จาก Serie C1 ของอิตาลีแค่ทีมเดียวที่เชิญไปสัมภาษณ์งาน แต่พอเปิดเข้าไปดูเท่านั้นแหละ ผมนี่ลุกขึ้นยืนเลย ทั้งทีมไม่มีนักเตะจริงเลยแม้แต่คนเดียวฮะ ตัว Regen ล้วนๆ เลยตัดสินใจว่าไม่เอาดีกว่า ฮ่าๆๆ

 

โปรเจคต์ปั้นทีม NEC ของผมก็เลยจบลงแบบเซ็งๆ แบบนี้ เพื่อนๆ ที่อ่านอยู่ก็คิดซะว่านี่เป็นกระทู้ Career แนวใหม่แล้วกันนะครับ ไม่เน้นแชมป์ ปีแรกตกชั้นโดนไล่ออกเลย ฮ่าๆๆ

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความหน้ามึน โปรเจคต์ปั้นทีมกลางตารางของผมยังไม่จบง่ายๆ แน่นอนครับ เดี๋ยวเลือกทีมใหม่ได้แล้วจะมาเล่าสู่กันฟังอีกในโอกาสต่อไปครับ

 

ตอนนี้ผมคงต้องขอตัวไปเลือกทีมเล่นเซฟใหม่ก่อนล่ะครับผม

 

สวัสดีครับ  :039:

 

 

 

 

......แต่เดี๋ยวก่อน!! เรื่องราวในเซฟนี้ของผมยังไม่จบ ผมยังมีเรื่องจะเล่าอีกนิดหน่อย ไว้เดี๋ยวจะมาเขียนต่อนะครับ อย่าเพิ่งหนีกันไปไหนล่ะ!!

 

  • Like 2

Share this post


Link to post
Share on other sites

SPECIAL #1: 2013/14 SEASON REVIEW - WHAT’S GOING ON IN MY FM WORLD?

 

สวัสดีอีกครั้งครับผม,

 

สำหรับโพสต์นี้ ผมตั้งใจว่า หลังจากเล่าเรื่องทีมตัวเองมาเยอะแยะแล้ว เรามาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นในโลก FM ของผมบ้าง ทีมไหนเล่นดีทีมไหนห่วย ใครเป็นแชมป์ และแน่นอน ฟุตบอลโลก 2014 ในเซฟผม จบอย่างไร มาดูไปพร้อมๆ กันเลยครับ

 

เริ่มจากที่ใกล้ตัวที่สุด Eredivisie ปีนี้ แชมเปี้ยนคือ FC Utrecht ที่นำมาตั้งแต่ช่วงสิบนัดแรกของฤดูกาล แล้วก็นำยาวแบบม้วนเดียวจบเลย จบฤดูกาลด้วยคะแนน 68แต้ม นำ Ajax ที่ตามมาเป็นอันดับสองอยู่ 4 คะแนนด้วยกัน นับเป็นแชมป์ Eredivisie ครั้งที่สองในประวัติศาสตร์สโมสร นับตั้งแต่ปี 1958 นู่น ในขณะที่อันดับ 3 นั้นนับว่าเซอรไพรส์ครับ เมื่อเป็นทีม GA Eagles ที่ทำผลงานปีนี้ได้ร้อนแรงเหลือเกิน จบฤดูกาลด้วยคะแนนทั้งหมด 61 คะแนน

 

eredivisie_table.png?w=620&h=308

 

ทีมที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังที่สุด นอกจากทีมตัวเองอย่าง NEC แล้ว (ฮา) ก็คงเป็น PSV นี่ล่ะครับ จากบิ๊กทรีของประเทศ มาจบที่อันดับ 15 เหนือโซนหนีตกชั้นแค่ 3 คะแนนเท่านั้นเอง

ในส่วนฟุตบอลถ้วย KNVB Beker ทีมแชมป์เป็น AZ ที่เฉือนชนะ Vitesse ไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ครับ เป็นแชมป์ถ้วยนี้สองปีติดกันเลย

 

มาที่ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเยอรมนี ที่อันดับหัวตารางดูไม่ค่อยจะแปลกตาเท่าไรนัก ถ้าไม่นับว่าแชมป์ Bundesliga ปีนี้คือ Borussia Dortmund ครับ คว้าแชมป์แบบทิ้งห่างอันดับสองอย่าง Bayern Munchen ไป 10 คะแนนเลยทีเดียว ส่วนบอลถ้วย DFB Pokal เป็น Gladbach ที่ชนะ Leverkusen ไป 3-0 คว้าแชมป์ถ้วยนี้เป็นสมัยที่ 4 โดยครั้งก่อนที่ Gladbach ได้แชมป์ต้องย้อนไปถึงปี 1995 ซึ่งก็ถือว่าเป็นแชมป์รายการใหญ่ครั้งสุดท้่ายของ Gladbach เลยครับ (ไม่นับแชมป์ Bundesliga 2 เมื่อปี 2008)

 

bundesliga_table.png?w=620&h=308

 

ถ้าคุณคิดว่า Bundesliga ได้แชมป์แบบชิลๆ ลอยลำที่สุดแล้วล่ะก็ คุณคิดผิด!! ที่อิตาลี Juventus ยังคงร้อนแรงครับ คว้าสคูเด็ตโต้สมัยที่ 30 ไปแบบไม่ระบมหัวแม่เท้า ทิ้งห่าง Fiorentina ที่ตามมาห่างๆ ถึง 17 คะแนนเลยทีเดียว แถมยังเป็นแชมป์ 3ปี ติดกันเลยอีกตะหาก เรียกว่าในอิตาลีคงไม่มีใครสู้พี่เค้าได้ไปอีกสักพักล่ะครับ ยังกับเล่นคนละลีกกันเลย และแค่นี้ยังไม่หนำใจครับ เมื่อแชมป์ Copa Italia ก็ยังเป็น Juventus อีกนั่นแหละ ที่ถล่ม Sampdoria ไปสบายๆ 4-1 จากโอกาสยิงตรงกรอบประตู 4 ครั้ง!! บ้าไปแล้ว พี่จะคมไปไหนครับพี่!!

 

serie_a_table.png?w=620&h=340

 

มาที่ La Liga ที่สเปนกันบ้าง ก็เดิมๆ ครับ ไม่มีอะไรมาก มาดริด-บาร์ซ่า-แอตเลติโก้-บาเลนเซีย-บิลเบา ตามนี้ แต่เซอร์ไพรส์ไปอยู่ที่บอลถ้วย Copa del Rey ครับ ที่แชมป์กลายเป็น Rayo ที่ปราบทั้ง Barcelona ในรอบ 8 ทีม ด้วยสกอร์รวมสองนัดเหย้าเยือน 5-3 ตามด้วยการเฉือน Valencia ด้วยจุดโทษในรอบรองชนะเลิศ แล้วมาคว้าแชมป์ไปจากการดวลจุดโทษชนะ Real Sociedad ไป 5-4 (ในเวลาเสมอ 2-2) เป็นแชมป์รายการใหญ่ครั้งแรกของทีมด้วยครับ น่ายินดีจริงๆ

 

laliga_a_table.png?w=620&h=337

 

มาที่ฝรั่งเศส มีเซอร์ไพรส์เล็กๆ เมื่อ แชมป์ Ligue 1 ประจำปีนี้เป็น AS Monaco ครับผม ที่จบฤดูกาลเหนือ P$G ด้วยคะแนนเพียง 2 คะแนนเท่านั้น ส่วนในบอลถ้วย Olympique Lyon กลับมาผงาดด้วย double champ บอลถ้วย โดยคว้าไปทั้ง Coupe de la Liga หรือลีกคัพฝรั่งเศส และ Coupe de France ครับ แต่ดันจบอันดับ 14 ในลีกไปซะได้ แหม่

 

ligue_1_table.png?w=620&h=331

 

และข้ามช่องแคบฝรั่งเศสมายังที่หมายสุดท้ายของเราครับ Barclays Premier League นั่นเอง ซึ่งตารางคะแนนก็ทำร้ายจิตใจเด็กผีเหลือเกิน เมื่อ Manchester United จบฤดูกาลด้วยอันดับ 7 เหมือนในโลกความจริงเดี๊ยะๆ และ Football Genius อย่าง David Moyes ก็โดนไล่ออกไปตั้งแต่ช่วงกลางๆ ฤดูกาลครับ ได้โค้ชลูกศิษย์ลูกหาเยอะอย่าง Marcelo ‘El Loco’ Bielsa เข้ามาทำทีมแทน น่าลุ้นว่าปีต่อไปจะจบด้วยอันดับอะไร

epl_table.png?w=620&h=342

ส่วนเซอร์ไพรส์ประจำฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกปีนี้ก็อคื Arsenal ครับ ที่ย่ำแย่กว่าแมนฯ ยูฯ ซะอีก จบฤดูกาลด้วยอันดับ 9 และอาร์แซน เวงเกอร์โบกมือลาตำแหน่งไปหลังจบฤดูกาล คนที่มารับไม้ต่อก็เป็นโค้ชมากประสบการณ์จากอิตาลีอย่าง Luciano Spalletti ครับผม

ส่วนบอลถ้วย มี Man City เป็นแชมป์ FA Cup ส่วน League Cup เป็น Chelsea ที่ได้ไป นับเป็น double champ ของเชลซีในปีนี้ด้วยครับ

 

มาที่ฟุตบอลสโมสรยุโรปกันบ้าง เริ่มที่ถ้วย Europa League ที่กลายเป็นสังเวียนแข้งระดับห้าดาวไปซะอย่างงั้น เมื่อในรอบรองฯ เป็นการโคจรมาเจอกันของ Valencia – Bayern  และ Arsenal – Man United แล้วก็เป็น Man United ที่เอาชนะ Bayern ในการดวลลูกโทษ คว้าแชมป์แรกภายใต้การนำทีมของ Marcelo Bielsa ไปครอง

 

ส่วนถ้วยใหญ่ UEFA Champions League เป็น Manchester City ที่ประกาศศักดา ปราบ Real Madrid ในรอบรองฯ ตามด้วยเฉือน Barcelona ในรอบชิงชนะเลิศไป 2-1 จากประตูของ Edin Dzeko และ Sergio Aguero คนละลูก ส่วนบาร์ซ่าได้ประตูตีตื้นจาก Neymar ครับ ถือเป็นแชมป์ยุโรปครั้งแรกของ City เลยทีเดียว และทำให้ปีนี้ ถ้วยสโมสรยุโรป มีแชมป์เป็นทีมจากเมืองเดียวกันซะด้วย เก๋มั้ยล่ะ!

มาที่รางวัลนักเตะยอดเยี่ยม FIFA Ballon’ dor ที่แบบว่า …เอ่อ ……เปลี่ยนคนชนะบ้างก็ได้นะครับพี่ หกปีติดกันแล้วนะ

 

ballondor.png?w=620&h=267

 

และสุดท้ายของปี 2013-14 ครับ ไฮไลต์ของปีนี้แน่นอนว่าต้องเป็น “ฟุตบอลโลก” อย่างแน่นอน และนัดชิงชนะเลิศ ที่เจ้าบ้านและเต็งแชมป์อย่างบราซิล ต้องโคจรมาเจอม้ามืด ทีมที่โดนค่อนขอดว่าดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุนบ้างล่ะ ชื่อเสียงเกินฝีเท้าไปเยอะบ้างล่ะ อย่างอังกฤษ ก็จบลงแบบดราม่าสุดๆ ดราม่าแบบที่คิดว่าถ้าผมดูถ่ายทอดสดทางทีวีละก็ เช้าวันรุ่งขึ้นผมคงต้องลางานเพราะความปวดตับอย่างแน่นอน

 

โดยในเวลา 90 นาที อังกฤษและบราซิลทำอะไรกันไม่ได้ จบเกมที่สกอร์ 0-0 แต่ในช่วงต่อเวลาพิเศษ บราซิลก็ออกนำไปก่อนในนาทีที่ 98 จาก Neymar, ซี่งถ้านี่เป็นบอลโลกยุค 90 นี่คงเป็นโกลเด้นโกลที่พาบราซิลเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 6 ในแผ่นดินเกิดของตัวเองอย่างยิ่งใหญ่โคตรๆ ไปแล้ว  …..แต่บังเอิญว่ามันไม่ใช่นี่สิครับ!!

อังกฤษอาศัยลูกฮึดก๊อกสุดท้ายของสุดท้ายของสุดท้ายอีกที บดบี้จนตามตีเสมอบราซิลจนได้จากลูกชิพไกลนอกเขตโทษแบบสุดสวยของ Glen Johnson ในนาทีที่ 120+2

 

 

แล้วมาเอาชนะไปในช่วงดวลลูกโทษ 5-3 คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ที่รอคอยกันมานานถึง 48 ปี!!

 

ส่วนผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้โหดที่สุดในบอลโลกครั้งนี้คือ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ที่ซัดไป 7 ประตู เป็นดาวซัลโวสูงสุด ควบรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ไปด้วย แม้ทีมชาติโปรตุเกสของเขาจะหยุดเส้นทางไว้แค่รอบ 16ทีม เท่านั้นหลังจากพ่ายให้กับเยอรมนีในช่วงต่อเวลาพิเศษไป 1-2

และในทีมยอดเยี่ยม เป็นผู้เล่นจากอังกฤษไปห้าคนด้วยกัน (ถ้าจะให้รวมตัวสำรองด้วย ก็จะเป็น 7คน เลยทีเดียว)

 

worldcup_dreamteam.png?w=620&h=371

 

และด้วยความอาลัยอาวรณ์ในเซฟนี้อยู่ ผมเลยลองพาตัวเองนั่งไทม์ แมชชีนด้วยการ Go On Holiday แล้วตั้งวันที่จะกลับมาจากหยุดยาวเป็น 30 พฤษภาคม ปี 2015 ด้วยความแอบเป็นห่วงทีมเก่า ว่าจะเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาได้ทันทีเลยรึเปล่า แต่ก็แอบโปรแกรมให้ยื่นใบสมัครงานให้ตัวเองไว้ด้วยครับ เผื่อฟลุค ฮ่าๆๆ

 

แล้วเดี๋ยวเรามาดูกันว่า เซฟเกมเซฟนี้ของผม จะปิดตัวลงอย่างถาวรหรือไม่ ติดตามกันอีกนิดส์นึงนะครับ

 

ขอบคุณครับผม : D

Edited by ihbnroll
  • Like 1

Share this post


Link to post
Share on other sites

สู้ๆต่อไปครับ สนุกมากยังกะอ่านนิยายบอลเรื่องนึงเลย

Share this post


Link to post
Share on other sites

ติดตามผลงาน อยู่นะครับ

 

 

สู้ๆต่อไปครับ สนุกมากยังกะอ่านนิยายบอลเรื่องนึงเลย

 

ตอนนี้ผมติดบอลโลกอยู่ ไม่ได้เล่นเลย เดี๋ยวถ้าเกมเดินไปอีกสักพักผมจะมาอัพเดทอีกครั้งนะครับ ขอบคุณที่ติดตามครับผม

Share this post


Link to post
Share on other sites

อ่านสนุกมาก พึ่งรู้ว่ารับสมัครงานได้ด้วย 5555

 

อ่านแล้วอยากเขียนบ้างเลยครับพี่เป็นแรงบรรดาลใจเลยนะเนี่ย

Share this post


Link to post
Share on other sites

อ่านแล้วติดเลยครับ ถึงไม่ต้องเล่าทุกแมตช์ แต่ก็พาผมให้มีอารมณ์ร่วมให้เข้าไปอยู่ในทีมของคุณเลยครับ เยี่ยมจริงงๆๆๆๆ

Share this post


Link to post
Share on other sites

บรรยายได้สนุกมากครับ ส่วนผม มือใหม่ขอเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆก่อนเพราะเล่นทีไรก็แพ้ตลอด 555

Share this post


Link to post
Share on other sites

Create an account or sign in to comment

You need to be a member in order to leave a comment

Create an account

Sign up for a new account in our community. It's easy!

Register a new account

Sign in

Already have an account? Sign in here.

Sign In Now
Sign in to follow this  

×
×
  • Create New...

Important Information

FM-Thai.com uses cookies, by using our website you agree to our use of cookies as described in our Privacy Policy We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.